- 16 ธ.ค. 2568
รัฐมนตรีอาวุโสกัมพูชาออกมาแสดงความเห็นท้าทายกองทัพไทย ผ่านโซเชียลมีเดีย พาดพิงศักยภาพทางทหาร ท่ามกลางสถานการณ์ชายแดนที่ยังตึงเครียด
สถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ยังคงเป็นที่จับตา หลัง เขียว รามี รัฐมนตรีอาวุโสและประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนกัมพูชา ออกมาแสดงความคิดเห็นเชิงท้าทายต่อกองทัพไทย ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยพาดพิงถึงศักยภาพทางทหารของทั้งสองประเทศ ท่ามกลางกระแสการปะทะที่ยังดำเนินอยู่
เขียว รามี ระบุว่า บทบาทของเครื่องบินขับไล่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กองทัพไทยยังคงยืนหยัดได้ พร้อมอ้างว่าหากไม่มีการสนับสนุนทางอากาศ กำลังพลของไทยจะไม่สามารถรับมือกับกองทัพกัมพูชาได้ พร้อมกล่าวยกย่องความเสียสละและความกล้าหาญของทหารกัมพูชา และเรียกร้องให้เดินหน้าปฏิบัติภารกิจอย่างเต็มที่
รัฐมนตรีรายนี้ยังแสดงความเห็นว่า ความขัดแย้งที่ยืดเยื้อจะส่งผลต่อเสถียรภาพภายในของฝ่ายตรงข้าม และเชื่อว่าแรงกดดันจากสถานการณ์การสู้รบจะทำให้เกิดปัญหาความแตกแยกภายในกองทัพไทยในที่สุด
ในขณะเดียวกัน สื่อกัมพูชาหลายสำนัก รวมถึง kampucheathmey ได้เผยแพร่รายงานกล่าวหาไทยว่าเป็นฝ่ายเริ่มปฏิบัติการทางทหาร โดยอ้างว่ามีการใช้อาวุธหนักและเครื่องบินขับไล่ F-16 โจมตีเป้าหมายในกัมพูชา รวมถึงกล่าวอ้างถึงความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานและพื้นที่พลเรือน
รายงานดังกล่าวยังอ้างว่าการโจมตีส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก รวมถึงทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องอพยพออกจากพื้นที่ ซึ่งข้อกล่าวหาเหล่านี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันจากฝ่ายอิสระ และถูกฝ่ายไทยปฏิเสธ โดยยืนยันว่าไม่มีการโจมตีพลเรือนหรือใช้กำลังเกินขอบเขตตามที่ถูกกล่าวอ้าง
ด้านกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ออกแถลงการณ์ย้ำจุดยืนว่ากัมพูชามีสิทธิในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของตน ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมยืนยันว่ากำลังพลยังคงอยู่ในความพร้อมสูงสุดเพื่อรับมือกับสถานการณ์ และจะไม่ยอมจำนนต่อแรงกดดันหรือการข่มขู่จากฝ่ายใด
ขณะที่ฝั่งไทยยังคงยืนยันจุดยืนในการแก้ไขสถานการณ์ด้วยความระมัดระวัง ยึดหลักการป้องกันตนเอง และเรียกร้องให้ข้อมูลข่าวสารที่เผยแพร่ต่อสาธารณชนอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง เพื่อลดความตึงเครียดและผลกระทบต่อประชาชนทั้งสองประเทศ
แหล่งที่มาอ้างอิง
kampucheathmey






