ขณะปะทะชายแดนร้อนแรง รมว.กัมพูชาประกาศคำสาปแช่งต่อไทย

ดร.เฟือง สกุณา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลปะกัมพูชา กล่าวสาปแช่งประเทศไทย หลังจากทหารไทยสามารถยึดคืนปราสาทตาควายจากทหารกัมพูชาได้

วันที่ 15 ธันวาคม 2568 หลังจากที่กองทัพไทยได้ปฏิบัติการทางทหารและสามารถยึด ปราสาทตาควาย  ซึ่งเคยถูกกองกำลังกัมพูชาใช้เป็นฐานที่มั่น และมีการปะทะอย่างหนักบริเวณแนวชายแดนมาแล้วหลายวันก่อนหน้านั้น ทหารไทยได้ควบคุมพื้นที่และปักธงชาติอย่างเป็นทางการส่งผลให้เกิดทั้งคำชื่นชมและการวิพากษ์วิจารณ์ทั้งสองฝ่าย

ในงาน ระดมทุนเพื่อช่วยเหลือวีรบุรุษสงครามและผู้ลี้ภัย จากสถานการณ์ความรุนแรงริมชายแดนที่จัดขึ้นโดยชุมชนกัมพูชา เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ดร. เฟือง สกุณา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลปะของกัมพูชา ได้ให้กล่าวแสดงความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องการยึดปราสาทตาควายของไทยอย่างรุนแรง

รมว.เฟืองกล่าวว่า “ผู้ใดทำลายโบราณสถานซึ่งถือเป็นผลงานของเทพเจ้า จะต้องตกนรกหมกไหม้ 32 ชั้น ตราบจนถึงวันสิ้นสุริยันจันทรา” พร้อมทั้งกล่าวหวังว่าคำสาปแช่งนี้จะตกอยู่กับผู้ที่ทำลายวัดวาอารามซึ่งเป็นมรดกของชาติ พร้อมเสริมว่าเหตุการณ์นี้คืo “บทเรียนทางประวัติศาสตร์” ที่จะสอนลูกหลานของกัมพูชา และเรียกร้องให้ประชาชนทุกคนร่วมใจสนับสนุนผู้นำสูงสุดของประเทศในยามวิกฤต

ขณะปะทะชายแดนร้อนแรง รมว.กัมพูชาประกาศคำสาปแช่งต่อไทย
 

ในช่วงเดียวกัน มีการกล่าวถึงความเสียหายของโบราณสถานและการปะทะบริเวณบริเวณรอบปราสาทตาควาย รวมถึงการใช้อาวุธหนักและปฏิบัติการทางอากาศของกองทัพต่าง ๆ ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่ทางไทยยืนยันว่าทหารได้ควบคุมปราสาทตาควายได้ 100% แล้ว แต่การสู้รบในพื้นที่โดยรอบยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง

ทั้งนี้เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความตึงเครียดบนชายแดนไทยและกัมพูชาที่เกิดขึ้นตั้งแต่กลางปี 2025 ซึ่งเป็นความขัดแย้งระหว่างสองประเทศเกี่ยวกับข้อพิพาทชายแดนและโบราณสถานหลายแห่ง รวมถึงปราสาทตาควายที่มีสถานะเป็นจุดยุทธศาสตร์และแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมร่วมกัน
 

ขณะปะทะชายแดนร้อนแรง รมว.กัมพูชาประกาศคำสาปแช่งต่อไทย