พ่อแบกโลงลูกสาวทั้งน้ำตา เดินเท้ากลับบ้าน 1 ชั่วโมง ทำโซเชียลสะเทือนใจ

ภาพไวรัลสะเทือนใจทั้งโซเชียล พ่อแบกโลงลูกสาวทั้งน้ำตา เดินเท้ากลับบ้าน 1 ชั่วโมง รู้เหตุผลยิ่งทำสงสารหนัก

พ่อแบกโลงลูกสาวทั้งน้ำตา เดินเท้ากลับบ้าน 1 ชั่วโมง ทำโซเชียลสะเทือนใจ กลายเป็นภาพไวรัลสุดเศร้า เมื่อโลกออนไลน์ต่างแชร์ภาพเหตุการณ์สะเทือนใจ เนื่องจากพ่อรายหนึ่งต้องแบกโลงน้อยๆ ของลูกตัวเองกลับบ้าน ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 

พ่อแบกโลงลูกสาวกลับบ้าน ตามรายงานระบุว่า ภาพสุดเศร้าสะเทือนใจดังกล่าว เป็นภาพที่ถูกถ่ายขึ้นที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในรัฐซาบาห์ ประเทศมาเลเซีย เผยให้เห็นชายผู้เป็นพ่อแบกโลงเล็กๆ ของลูกสาว เดินเท้ากลับเข้าบ้าน เป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมง ภายหลังจากถนนมีสภาพแย่หนัก จนรถขนโลงไม่สามารถผ่านไปได้


ภาพถ่ายดังกล่าวถูกนำมาเผยแพร่โดยเฟซบุ๊กกลุ่มชุมชน พร้อมข้อมูลระบุว่า ลูกสาวของชายรายนี้อายุ 5 เดือน เสียชีวิตที่โรงพยาบาล ก่อนจะได้รับบริจาคโลงศพจากองค์กรการกุศลในรัฐซาบาห์ พร้อมทั้งจัดรถบรรทุกร่างของหนูน้อยของทางมูลนิธิ พาลูกสาวของเขากลับบ้านเพื่อไปทำพิธีฝังตามประเพณี

สะเทือนใจ พ่อแบกโลงลูกสาวทั้งน้ำตา เดินเท้ากลับบ้าน 1 ชั่วโมง

ทั้งนี้ระหว่างทางที่จะพาครอบครัวและลูกสาวของพวกเขากลับบ้าน รถตู้ของทางมูลนิธิไม่สามารถขับไปต่อได้ เนื่องจากสภาพถนนที่ย่ำแย่มาก ทำให้พ่อต้องลงจากรถ ก่อนที่จะรับโลงศพของลูกสาวลงมา และเดินเท้าต่อไปอีก 1 ชั่วโมงเพื่อกลับบ้าน

 

ด้าน มัสลู อาสาสมัครที่ขับรถบรรทุกศพในขณะนั้น กล่าวว่า ภาพที่เขาเห็นตรงหน้า ทำให้เขารู้สึกทั้งประทับใจและสะเทือนใจในเวลาเดียวกัน เขาเผยว่า ไม่เพียงแต่ถนนไม่ดีเกินกว่าที่รถจะขับไปได้ แต่เวลานั้นเกือบเที่ยงคืนแล้ว และไม่มีใครอยู่เลย พื้นที่รอบๆ เป็นป่ามืด ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือ และไม่มีทางที่จะขอความช่วยเหลือได้หากเกิดเหตุร้าย

 

อย่างไรก็ตาม ภาพดังกล่าวถูกแชร์ไปจนกลายเป็นไวรัล ชาวเน็ตต่างเศร้าใจและเห็นใจต่อสถานการณ์ที่ลำบากยากยิ่งของผู้เป็นพ่อ ทั้งสูญเสียลูกสาวไปในวัยเพียงแค่นี้ ทั้งเจ็บปวดใจสลาย แถมยังต้องมาสู้ชีวิต เผชิญชะตากรรมจากการอาศัยในหมู่บ้านที่ยากจน ซึ่งตามรายงานระบุว่า โกตามารู เป็นหนึ่งในเขตที่ยากจนที่สุดในประเทศมาเลเซีย

สะเทือนใจ พ่อแบกโลงลูกสาวทั้งน้ำตา เดินเท้ากลับบ้าน 1 ชั่วโมง

ภาพจากเฟซบุ๊ก Persatuan Amal Dan Jariah Sabah
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline