อีกหนึ่งประเทศในเอเชียระส่ำ วันเดียวยอดผู้ป่วยโควิดนิวไฮเกิน 40,000 คน

สัญญาณเตือน? อีกหนึ่งประเทศในเอเชียสั่นคลอน วันเดียวยอดผู้ป่วยโควิดนิวไฮเกิน 40,000 คน ซ้ำเติมกระแสต้านโควิดเป็นศูนย์

อีกหนึ่งประเทศในเอเชียระส่ำ วันเดียวยอดผู้ป่วยโควิดนิวไฮเกิน 40,000 คน ไม่รู้ว่านี่คือการเตือนภัยการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดอีกครั้งหรือไม่ เมื่อมีรายงานว่ายอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในจีนทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่เกิน 40,000 คนในวันเดียว นั่นยิ่งเพิ่มความท้าทายต่อรัฐบาลว่าจะยังเดินหน้านโยบายโควิดเป็นศูนย์ได้ต่อไปหรือไม่ ในเมื่อกระแสต่อต้านรุนแรงยิ่งขึ้นและลุกลามทั่วประเทศ

 

อีกหนึ่งประเทศในเอเชียระส่ำ วันเดียวยอดผู้ป่วยโควิดนิวไฮเกิน 40,000 คน

ตามรายงานระบุว่า ทางการจีน รายงานในวันจันทร์ที่ 28 พ.ย.65 ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในช่วง 24 ชม.ที่ผ่านมาเพิ่มสูงขึ้นเป็น 40,052 คน ซึ่งทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ติดต่อกันเป็นวันที่ 5 โดยเพิ่มขึ้นจาก 39,506 คนเมื่อหนึ่งวันก่อน ซึ่งหลายเมืองใหญ่ เช่น กวางโจว และ ฉงชิ่ง มีผู้ติดเชื้อรายใหม่วันละหลายพันคน และยังมีผู้ติดเชื้อวันละหลายร้อยคนในอีกหลายเมืองทั่วประเทศ


ทั้งนี้แม้ผู้ติดเชื้อรายใหม่มากถึง 36,304 คน จาก 40,052 คน ไม่มีอาการป่วย แต่การระบาดระลอกล่าสุดยังเสี่ยงสร้างภาระหนักต่อระบบสาธารณสุข  และผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ควรลดการมุ่งตรวจคัดกรองในวงกว้าง และหันไปให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีน และให้ความรู้ในการป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อแก่ประชาชน 


สำหรับการระบาดในจีนพุ่งสูงขึ้นทั่วประเทศตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ธ.ค. โดยเชื่อว่า เป็นการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ย่อยตัวใหม่ของสายพันธุ์โอไมครอน  ที่แพร่ระบาดได้รวดเร็วแต่อาการไม่รุนแรง 

อีกหนึ่งประเทศในเอเชียระส่ำ วันเดียวยอดผู้ป่วยโควิดนิวไฮเกิน 40,000 คน

พร้อมกันนี้ ผู้เชี่ยวชาญ เตือนว่า นโยบายโควิดเป็นศูนย์ที่ควบคุมเข้มงวด ล็อกดาวน์ยาวนาน และตรวจคัดกรองวงกว้าง เป็นเรื่องยากที่จะดำเนินต่อไปได้ เพราะต้องเผชิญผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจ นโยบายนี้จึงไม่ใช่แนวทางยั่งยืน เพราะเป็นไปไม่ได้แล้วที่จะทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ทั่วทั้งประเทศ 


นอกจากนี้กระแสความโกรธแค้นต่อมาตรการควบคุมโรคที่เข้มงวด โดยเฉพาะการประท้วงต่อต้านการล็อกดาวน์กำลังลุกลามทั่วประเทศ เพื่อกดดันให้รัฐบาลยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ และเริ่มมีเสียงเรียกร้องให้ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ลาออก ซึ่งเป็นการท้าทายอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน นับตั้งแต่ สี จิ้นผิง เข้าบริหารประเทศเมื่อ 10 ปีที่แล้ว


และยิ่งกว่านั้น ตลาดหุ้นและค่าเงินหยวน ปรับตัวลดลงอย่างแรงทันทีที่เปิดตลาดในเช้าวันจันทร์ด้วยความกังวลต่อสถานการณ์ประท้วงที่ตึงเครียดในหลายเมือง โดยเฉพาะใน นครเซี่ยงไฮ้ และ กรุงปักกิ่ง 

อีกหนึ่งประเทศในเอเชียระส่ำ วันเดียวยอดผู้ป่วยโควิดนิวไฮเกิน 40,000 คน

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline