ลูกค้าหน้าชา กินหม้อไฟร้านดัง เจอระเบิดใส่หน้า แต่ร้านไม่ขอโทษ แถมขู่ซ้ำ

ลูกค้าหน้าชา กินหม้อไฟร้านดัง เจอระเบิดใส่หน้า แต่ร้านไม่ขอโทษ แถมขู่ซ้ำ ก่อนเจอทัวร์ลงสนั่น สุดท้ายต้องยอม!

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เมื่อเว็บไซต์ต่างปรระเทศรายงานว่า หญิงสาวชาวฮ่องกงรายหนึ่งต้องเจอเหตุการณ์สุดระทึก หลังเธอได้ไปกินหม้อไฟร้านดังแห่งหนึ่ง ซึ่งเธอได้สั่งเมนู “หม่าล่าภูเขาไฟ” แต่จู่ๆ หม้อไฟกลับระเบิดใส่หน้าเธออย่างแรง ก่อนจะแจ้งทางร้าน แต่กลับไม่ยอมขอโทษ แถมยังขู่เธอซ้ำอีก

 

โดยรายงานระบุว่า หลังจากที่เธอสั่งเมนูดังกล่าว พนักงานได้มาเสิร์ฟโดยการราดแอลกอฮอล์ลงไปในปล่องภูเขาไฟ จากนั้นก็จุดไฟจนเกิดประกายไฟสวยๆ เหมือนภูเขาไฟ จากนั้นเมื่อไฟดับ พนักงานก็เติมน้ำมันพริกลงไป แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ใส่อาหารหรือเติมน้ำ หม้อไฟตรงหน้าก็ระเบิดใส่เธออย่างแรง จนน้ำซุปพุ่งถึงเพดาน รวมถึงกระเด็นใส่หน้าเธอจนเปื้อนตั้งแต่หัวจรดเท้า

 

ลูกค้าหน้าชา กินหม้อไฟร้านดัง เจอระเบิดใส่หน้า แต่ร้านไม่ขอโทษ แถมขู่ซ้ำ

 

แต่ที่หนักกว่านั้นคือ น้ำซุปบางส่วนใส่หม้อกระเด็ดเข้าตาเธอจนตาพร่า ทำให้เธอร้องตะโกนออกมาดังลั่นร้าน ก่อนจะไปแจ้งกับผู้จัดการร้าน แต่กลับได้คำตอบว่า ร้านไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน และร้านยินดีชดใช้ให้แค่ค่าทำความสะอาดเท่านั้น แต่ถ้าเธอแจ้งตำรวจ เธอจะต้องจ่ายค่าอาหารมื้อนี้ด้วย

 

ลูกค้าหน้าชา กินหม้อไฟร้านดัง เจอระเบิดใส่หน้า แต่ร้านไม่ขอโทษ แถมขู่ซ้ำ

ทั้งนี้ คำตอบดังกล่าวทำให้เธองงและเสียความรู้สึกอย่างมาก แต่เธอก็ไม่สนใจคำขู่ รีบโทรหาตำรวจทันที ก่อนจะไปให้หมอตรวจดูอาการที่โรงพยาบาล ซึ่งตลอดเวลาระยะเวลาที่เธอรักษาตัว เธฮไม่เคยได้ยินคำขอโทษจากร้านเลยแม้แต่คำเดียว

 

ลูกค้าหน้าชา กินหม้อไฟร้านดัง เจอระเบิดใส่หน้า แต่ร้านไม่ขอโทษ แถมขู่ซ้ำ

 

อย่างไรก็ตาม เรื่องราวดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในสังคมออนไลน์ หลายคนมองว่า ร้านไม่ควรทำแบบนี้ เพราะอุบัติเหตุดังกล่าวเกินขึ้นในร้านแท้ๆ แถมไม่ใช่ความผิดของลูกค้า แต่ร้านกลับไม่แสดงความจริงใจให้ลูกค้าเลย นอกจากนี้ ทางสาวผู้เสียหายได้ออกมาอัปเดตอีกว่า เธอได้รับการติดต่อจากทางร้านแล้วเพื่อจะขอโทษและจ่ายเงินชดเชยให้แล้ว หลังจากที่โดนกระแสสังคมกดดัน และได้เลิกขายเมนูดังกล่าวไป

 

ลูกค้าหน้าชา กินหม้อไฟร้านดัง เจอระเบิดใส่หน้า แต่ร้านไม่ขอโทษ แถมขู่ซ้ำ

 

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline