พันธมิตรฯบุกปปช.ห้ามถอนคดีสลายชุมนุม7ตุลา ผลประโยชน์ซ้อนทับของพี่น้อง-ลูกน้อง???. "ประวิตร-พัชรวาท-วัชรพล"คำเตือนถึงคสช.(อย่า)ปลุกยักษ์หลับ

เป็นประเด็นที่ท้าทายกระบวนการยุติธรรมอยู่ไม่น้อย ภายหลังจากที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ตั้งคณะทำงานตรวจสอบถอนฟ้องคดีการสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร ประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อว

ขณะที่ในวันนี้ (4 พ.ค59) ตัวแทนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อาทิ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นายศิริชัย ไม้งาม นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด พร้อมด้วยนายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความ และญาติผู้เสียและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์การสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ปี 2551 เข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โดยมีนายสุทธิ บุญมี ผู้อำนวยการสำนักการข่าวและกิจการพิเศษ ป.ป.ช. มารับหนังสือ

นายนิติธร เปิดเผยว่า มายื่นหนังสือเพื่อคัดค้านความพยายามในการถอนฟ้องคดีดังกล่าวออกจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพราะคดีนี้ป.ป.ช. ได้มีคำสั่งเบ็ดเสร็จเด็ดขาดให้ฟ้องคดีแล้ว จึงไม่สามารถถอนฟ้องได้ และปัจจุบันศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เริ่มทำการไต่สวนพยานโจทก์ไปแล้ว จึงทำให้เกิดความสงสัย เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีที่พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อยู่ในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในขณะนั้น โดยพล.ต.อ.ดร. วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานป.ป.ช.คนปัจจุบัน ได้ดำรงตำแหน่งโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าเป็นการเอื้อผลประโยชน์ให้แก่อดีตผู้บังคับบัญชาของประธานป.ป.ช.

นายปานเทพ วงศ์พัวพันธ์ แกนนำกลุ่มพันธมิตร เปิดเผยว่า ส่วนตัวแล้วไม่เชื่อใจการทำงานของ ป.ป.ช. ชุดนี้ เพราะมองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง จึงอยากให้นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงให้ความสำคัญ หากยังเพิกเฉยหรือละเลย ทางแกนนำกลุ่มพันธมิตรจะมารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อเรียกร้องความถูกต้อง

โดยมีนายสุทธิ บุญมี ผอ.สำนักงานข่าวและกิจการพิเศษ ป.ป.ช. รับหนังสือคัดค้านความพยายามในการถอนฟ้องคดีสลายคดีดังกล่าวนี้ออกจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

แต่ก่อนอื่น เราจะไปทบทวนกันกับรายชื่อบุคคลที่ ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิดในคดีดังกล่าว ซึ่งประกอบไปด้วยนักการเมืองและนายตำรวจ จำนวน 4 ราย โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1.สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี มีความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ซึ่งเรียกประชุม ครม.นัดพิเศษในคืนวันที่ 6 ตุลาคม 2551 โดยมอบหมายให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นผู้สั่งการ และเปิดทางให้ ส.ส.และ ส.ว.เข้าสู่รัฐสภา

 2. พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี มีความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานเป็นผู้รับผิดชอบเหตุการณ์ และสั่งการให้ตำรวจผลักดันผู้ชุมนุมโดยใช้แก๊สน้ำตา

3. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบตามอำนาจหน้าที่ เมื่อเกิดเหตุรุนแรงจนถึงขั้นผู้ชุมนุมบาดเจ็บสาหัส จึงควรจะยับยั้งมิให้เหตุการณ์ลุกลามต่อไป และมีการให้การจากพยานว่า เป็นผู้สั่งการสลายการชุมนุม จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและมีความผิดวินัยร้ายแรง

4. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น.ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ และเป็นเจ้าของพื้นที่ มีความผิดวินัยร้ายแรงและอาญา

อีกด้านหนึ่งทางการเมือง ก็เป็นประเด็นที่เคลือบแคลงอยู่ไม่น้อย เพราะ หนึ่งในจำเลยของคดีนี้ คือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นน้องชายของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ไม่เพียงเท่านี้ ก่อนที่ พล.ต.อ.วัชรพล จะดำรงตำแหน่งประธาน ป.ป.ช. ก็เคยทำหน้าที่เป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีให้กับ พล.อ.ประวิตร มาก่อนด้วย

ซึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ว่า ไม่มี ไม่ได้ทำ ไม่เกี่ยวอะไรด้วย เป็นเรื่องของ ป.ป.ช.ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่มีการโยงว่า พล.ต.อ.พัชรวาท เป็นน้องชายของท่าน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มี ไม่เกี่ยว ใน ป.ป.ช.ไม่ใช่คนเดียวทำ เขาเป็นทีมของเขา ตนว่าเขายังไม่ได้ทำอะไรหรอก คือเรื่องนี้มีคนร้องเรียน ป.ป.ช. ก็ต้องทำไป แต่ว่าจะทำได้หรือไม่ได้ มันยังมีขั้นตอน แล้วตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มต้นเลย เพียงแต่ว่าจะได้หรือเปล่า พอทำได้ ป.ป.ช. ก็ต้องไปตั้งคณะทำงานขึ้นมาอีกไปตรวจสอบว่าของเดิมเป็นอย่างไร ของใหม่เป็นอย่างไร ข้อมูลใหม่เป็นอย่างไร ไม่ใช่เดี๋ยวเดียว มันเยอะ แล้วจะไปรวบรัดได้อย่างไร ซึ่งไม่ใช่ ตนถามเขาแล้ว ไม่เกี่ยว และอย่ามาเกี่ยวอะไรกับตน ตนไม่เกี่ยว

 

ขณะที่วานนี้ (3 พ.ค.59) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหา ขอให้พิจารณาทบทวน ซึ่งทุกคนยื่นได้หมด แต่การดำเนินการต่อหลังจากนั้น คงต้องติดตามดูกันอีกที ฉะนั้นอย่าไปตีกระแสตรงนี้ ให้มันขัดแย้งกันผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ยื่นเรื่องขึ้นมา ซึ่งตามกฎหมาย ป.ป.ช.ต้องรับ แต่ปัญหาว่าถ้าอยู่ในชั้นการพิจารณา เขาจะทำต่อหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ ป.ป.ช.จะพิจารณาต่อไป อีกฝ่ายก็มาเสนอสิ ดูสิเขาจะรับไหม และเรื่องนี้ไม่มองว่าผิดปกติ ผมได้แต่บอกว่าควรทำหรือไม่ควร ก็ไปว่ากันมา

อีกด้านหนึ่งทางการเมือง ก็เป็นประเด็นที่เคลือบแคลงอยู่ไม่น้อย เพราะ หนึ่งในจำเลยของคดีนี้ คือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นน้องชายของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ไม่เพียงเท่านี้ ก่อนที่ พล.ต.อ.วัชรพล จะดำรงตำแหน่งประธาน ป.ป.ช. ก็เคยทำหน้าที่เป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีให้กับ พล.อ.ประวิตร มาก่อนด้วย

ซึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ว่า ไม่มี ไม่ได้ทำ ไม่เกี่ยวอะไรด้วย เป็นเรื่องของ ป.ป.ช.ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่มีการโยงว่า พล.ต.อ.พัชรวาท เป็นน้องชายของท่าน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มี ไม่เกี่ยว ใน ป.ป.ช.ไม่ใช่คนเดียวทำ เขาเป็นทีมของเขา ตนว่าเขายังไม่ได้ทำอะไรหรอก คือเรื่องนี้มีคนร้องเรียน ป.ป.ช. ก็ต้องทำไป แต่ว่าจะทำได้หรือไม่ได้ มันยังมีขั้นตอน แล้วตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มต้นเลย เพียงแต่ว่าจะได้หรือเปล่า พอทำได้ ป.ป.ช. ก็ต้องไปตั้งคณะทำงานขึ้นมาอีกไปตรวจสอบว่าของเดิมเป็นอย่างไร ของใหม่เป็นอย่างไร ข้อมูลใหม่เป็นอย่างไร ไม่ใช่เดี๋ยวเดียว มันเยอะ แล้วจะไปรวบรัดได้อย่างไร ซึ่งไม่ใช่ ตนถามเขาแล้ว ไม่เกี่ยว และอย่ามาเกี่ยวอะไรกับตน ตนไม่เกี่ยว

 

ขณะที่วานนี้ (3 พ.ค.59) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหา ขอให้พิจารณาทบทวน ซึ่งทุกคนยื่นได้หมด แต่การดำเนินการต่อหลังจากนั้น คงต้องติดตามดูกันอีกที ฉะนั้นอย่าไปตีกระแสตรงนี้ ให้มันขัดแย้งกันผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ยื่นเรื่องขึ้นมา ซึ่งตามกฎหมาย ป.ป.ช.ต้องรับ แต่ปัญหาว่าถ้าอยู่ในชั้นการพิจารณา เขาจะทำต่อหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ ป.ป.ช.จะพิจารณาต่อไป อีกฝ่ายก็มาเสนอสิ ดูสิเขาจะรับไหม และเรื่องนี้ไม่มองว่าผิดปกติ ผมได้แต่บอกว่าควรทำหรือไม่ควร ก็ไปว่ากันมา