จริงหรือไม่ เครือข่ายธรรมกาย ลุกฮือ15 พ.ค.  เรียกร้องความเป็นธรรม ให้ธัมมชโย

ยิ่งใกล้ 16 พ.ค.59 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ นัด ธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย รับทราบข้อกล่าวหา ก็มีปฏิกิริยาการเคลื่อนไหวของลูกศิษย์วัดพระธรรมกายที่เริ่มเดินทางไปศูนย์ ดำรงธรรมและสำนักงานพระพุทธศาสนาประจำจ

4 พ.ค. พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่า การกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีความเคลื่อนไหวของกลุ่มลูกศิษย์พระธัมมชโย ว่า บอกไปแล้วว่าขอให้ใช้กระบวนการยุติธรรม ใช้ทิศทางที่ราชการได้กำหนดไว้ ซึ่งการร้องไปยังศูนย์ดำรงธรรมก็เป็นสิทธิ์ของเขา และเป็นการรักษาสิทธิ์ของประชาชนทั่วไปที่สามารถทำได้

ส่วนกรณีวัดพระธรรมกายเตรียมระดมลูกศิษย์เข้าวัดพระธรรม กาย 10,000 คน ในวันที่ 15 พ.ค.นี้ ก่อนวันวิสาขบูชา พล.อ.ไพบูลย์ตอบว่า อยากให้มองในแง่บวก เพราะทุกคนก็มีสิทธิ์ที่จะทำกิจกรรมทางศาสนา จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ได้สั่งให้อธิบดีดีเอสไอได้คอยติดตามเรื่องดังกล่าวอยู่แล้วในฐานะเจ้าของเรื่อง แต่เรื่องทั้งหมดถ้ามีอะไรแอบแฝงมันก็จะมุ่งไปสู่สิ่งที่สื่อถาม มันก็อาจจะมุ่งไปสู่ความไม่เรียบร้อย ตรงนั้นก็เป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคง

และหากในวันที่ 16 พ.ค.นี้ พระธัมมชโยไม่เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก จะดำเนินการอย่างไร รมว.ยุติธรรมตอบว่า ก็ต้องทำเรื่องไปที่ศาล เพราะเราไม่สามารถออกหมายจับเองได้ ซึ่งก็บอกไปหลายครั้งแล้วว่าก็ต้องทำแบบนี้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลว่าจะมีดุลยพินิจอย่างไร เพราะในแง่มุมครั้งที่แล้วคือเหตุผลของการเจ็บป่วย และไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ศาลจึงให้ออกหมายเรียกอีกครั้ง

ขณะที่เหตุผลในการเคลื่อนไหวของลูกศิษย์วัดธรรมกายก็ระบุว่า เพื่อช่วยปกป้องและให้ความเป็นธรรมแก่พระธัมมชโย ไม่ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินคดีกับพระธัมมชโย ในคดีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร

เริ่มที่ จ.ปทุมธานี นายอดิศักดิ์ วรรณสิน นายกสมาคมพุทธศาสน์สัมพันธ์ พร้อมสมาชิกกว่า 100 คน ได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ที่ศูนย์ดำรงธรรม และเปิดเผยว่า สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ ได้ถอนฟ้องพระเทพญาณมหา มุนี พร้อมทำหนังสือแสดงเจตจำนงไม่ประสงค์จะดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญากับพระเทพญาณมหามุนีและวัดพระธรรมกาย ซึ่งได้ทำหนังสือขอบคุณมา ยังคณะลูกศิษย์ ถือว่าคดีจบ แล้วยังมาฟ้องเอาผิดเพื่ออะไร สมาคมพุทธศาสน์สัมพันธ์จึงเห็นว่าดีเอสไอ ไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับพระมหาเถระที่ตั้งใจทำความดี

 

จ. เชียงใหม่ ที่ศาลากลางจังหวัด นายกสิณวัชร์ ศรีสุริยมาตย์ ตัวแทน "ลูกพระธัมมชโย" พร้อมคณะศิษย์นับร้อยคน เข้ายื่นเรื่องร้องต่อนายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผวจ.เชียงใหม่ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอความเป็นธรรมให้กับพระเทพญาณมหามุนี

ส่วน จ.ลำ ปาง นายสกล เดชประมวลพล ประธานชมรมพิทักษ์พระพุทธศาสนาจังหวัดลำปาง นำสมาชิกกลุ่มลูกศิษย์หลวงพ่อธัมมชโยใน จ.ลำปาง ประมาณ 40 คน เดินทางไปยังศาลากลางจังหวัดลำปางพร้อมถือป้ายกระดาษข้อความต่าง ๆ และยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมให้กับพระธัมมชโยกรณีดีเอสไอออกหมายเรียกให้ไปพบ โดยชมรมพิทักษ์พระพุทธศาสนาฯ เห็นว่าการกระทำของดีเอสไอไม่มีความเป็นธรรมให้กับพระมหาเถระที่ตั้งใจทำความดีจึงอยากร้องเรียนหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความเป็นธรรมกับพระหลวงพ่อธัมมชโยด้วย

ขณะเดียวกันเพื่อความชัดเจนเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติของดีเอสไอ   เราจะไปไล่เรียงลำดับเหตุการณ์ความเกี่ยวเนื่องสำหรับการดำเนินการกับพระธัมมชโยตามข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นอีกครั้ง

เริ่มต้นจากวันที่  30  มี.ค.   2559   เมื่อ  พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร   เปิดเผยว่า   ได้ลงนามในหมายเรียกพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เข้าพบพนักงานสอบสวนดีเอสไอในวันที่ 8 เม.ย.   โดยเป็นการออกหมายเรียกในฐานะผู้ต้องหา  เพื่อให้เข้ารับทราบข้อหากระทำความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร    ภายหลังจากคดีนี้ในชั้นสอบพยานพระธัมมชโยได้ส่งใพระรูปอื่นเข้าให้ปากคำแทน   แต่เนื่องจากคดีนี้มีผู้มาแจ้งข้อกล่าวหา โดยระบุให้ดำเนินคดีกับพระธัมมชโย  ดีเอสไอจึงต้องออกหมายเรียกพระธัมมชโยตามขั้นตอนทางกฎหมาย

 

ต่อมาในวันที่ 1 เม.ย. ทางด้าน พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)  ได้ให้รายละเอียดถึงกรณีการออกหมายเรียกพระธัมมชโย  เข้ารับทราบข้อกล่าวหาฐานความผิดสมคบกันฟอกเงินและรับของโจร ในวันที่ 8 เม.ย.นี้ ว่า เป็นไปตามผลที่ผู้เสียหายซึ่งเป็นสมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด    ได้เข้าร้องทุกข์กับดีเอสไอให้ดำเนินคดีกับผู้ที่รับเช็คสหกรณ์ฯคลองจั่น  โดยไม่มีมูลหนี้    และดีเอสไอได้รับเป็นคดีพิเศษที่ 27/2559    และดำเนินการตรวจสอบจนพบว่าความผิดจากการฉ้อโกงเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน  คลองจั่น  มีความผิดเกี่ยวข้องกับพระธัมมชโยโดยตรงในหลายกรณี

และจากนัดหมายเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 8 เม.ย.   ทางด้านนายสัมพันธ์ เสริมชีพ   ทนายของพระธัมมชโย    ได้ทำหนังสือถึงดีเอสไอขอเลื่อนการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาของพระธัมมชโย  เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย  ออกไปเป็นวันที่ 6 พ.ค.  โดยอ้างว่าพระธัมมชโยติดศาสนกิจหลายอย่าง  ทั้งโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน ประเพณีสงกรานต์ งานวันคุ้มครองโลก และกิจกรรมตักบาตรทั่วประเทศ   อย่างไรก็พนักงานสอบสวน จึงเห็นชอบให้เลื่อนเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่  25  เม.ย.

 

ขณะที่ ต่อมา ในวันที่25  เม.ย.  พระธัมมชโย   เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ไม่ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยให้เหตุผลว่ามี อาการป่วยจึงไม่สามารถเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาได้ ที่

 

บทสรุปสุดท้ายเมื่อการถอนฟ้องเป็นผล จึงทำให้พระธัมมชโยยังคงเรืองอำนาจในหมู่สงฆ์มาถึงปัจจุบัน