เมื่อไหร่รัฐบาลคสช.จะปัดกวาดสตช.ให้ขาวสะอาด

เมื่อไหร่รัฐบาลคสช.จะปัดกวาดสตช.ให้ขาวสะอาด

ถือว่าเป็นข่าวฉาวอีกครั้งหนึ่งของวงการสีกากีไทย หลังจากที่มีการการแจ้งความดำเนินคดีระหว่างตำรวจยศ ร.ต.อ. 2 คนได้แจ้งความไว้ที่ สน.บางซื่อ โดยมีใจความระบุว่า ฝ่ายผู้เสียหายได้ว่าจ้างตำรวจนายหนึ่งยศ ร.ต.อ.ด้วยเงิน7 แสนบาท เป็นค่าวิ่งเต้นตำแหน่งขึ้น สารวัตร(สว.)แต่เมื่อถึงเวลาพิจารณาปรับเลื่อนตำแหน่ง ปรากฏว่าอีกฝ่ายไม่สามารถทำตามที่รับปากได้

อย่างไรก็ตามประเด็นที่เกิดขึ้นสังคมไม่ได้มองแค่เพียงเรื่องของคดีความที่เกิดขึ้นแต่เป็นการตอกย้ำว่าวงการสีกากีนั้นมีการใช้เงินซื้อขายตำแหน่ง นั่นจึงนำมาสู่โจทย์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่จะต้องนำไปสู่การปฏิรูป

ย้อนกลับไป8 มิถุนายน 2559 สน.บางซื่อ รับแจ้งความจาก ร.ต.อ.ชาญชาย เย็นสุข อายุ 39 ปี ว่า เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2559 ได้พบกับ ร.ต.อ.ชนินทร์ธัช รัตน์ชิโนตรัย อายุ 38 ปี ซึ่งในวันและเวลาดังกล่าวผู้ต้องหา (ร.ต.อ.ชนินทร์ ธัช) อ้างว่ารู้จักกับผู้ใหญ่ สามารถวิ่งเต้นให้ผู้กล่าวหาเลื่อนตำแหน่งเป็นสารวัตรได้

 

รายงานระบุว่า โดยภรรยา ร.ต.อ.ชาญชายได้มอบเงินจำนวน 700,000 บาทเป็นการวิ่งเต้น แต่เมื่อมีคำสั่งแต่งตั้งออกมา ผู้กล่าวหาไม่ได้รับการแต่งตั้ง ทำให้ได้รับความเสียหาย จึงมาร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย"

 

ซึ่ง สน.บางซื่อได้ลง รายงานเหตุประจำวัน เป็นคดีอาญาที่ 842/ 59 ข้อหาเรียกรับหรือยอมรับทรัพย์สินฯ วันเวลาเกิดเหตุ 8 มิ.ย.59 เวลากลางวัน สถานที่เกิดเหตุ ภายในปั๊ม ปตท.ร.1รอ. ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม.

และในวันนี้(12 ก.ค.) ผู้บังคับการตำรวจนครบาลสอง ก็ได้แถลงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เป็นเรื่องที่เข้าใจผิดและจะตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

พล.ต.ต.เจริญ ศรีศศลักษณ์ ผบก.น.2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีร.ต.อ.ชาญชาย อายุ 39 ปี รอง สว.จร.สน.นิมิตรใหม่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ว่า ถูกร.ต.อ.ชนินท์ธัช อายุ 38 ปี รอง สวป.สน.บางรัก หลอกลวงเอาเงินสด 7 แสนบาท พร้อมอ้างว่าจะนำเงินไปซื้อของขวัญให้กับผู้ใหญ่ เนื่องจาก ร.ต.อ.ชาญชาย ได้เลื่อนตำแหน่งเป็น สว. จากข้อเท็จจริงเมื่อมีการแจ้งความพบว่าเรื่องดังกล่าวเป็นพฤติการณ์หลอกลวง ฉ้อโกง เอาเรื่องเท็จมากล่าว ของร.ต.อ.ชนินท์ธัช โดยการสร้างเรื่องทำให้ตนเองน่าเชื่อถือว่ารู้จักกับผู้บังคับบัญชาระดับสูง สามารถวิ่งเต้นเลื่อนตำแหน่งได้ เพื่อให้ได้มาซึ่งเงินจำนวนดังกล่าว

 

เมื่อต้นเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา ร.ต.อ.ชนินท์ธัช มาบอกกับร.ต.อ.ชาญชาย มีชื่อได้เลื่อนเป็นสารวัตร ให้นำเงินมาให้เพื่อนำไปซื้อของขวัญให้กับนายหรือผู้ใหญ่หลายคน ทำให้ร.ต.อ.ชาญชาย หลงเชื่อนำเงิน 7 แสนบาทมามอบให้ร.ต.อ.ชนินท์ธัช ภายในปั๊มน้ำมัน ปตท.ข้าง ร.1 รอ. ถนนวิภาวดีขาออก เมื่อพนักงานสอบสวนรับแจ้งก็ติดต่อเรียกร.ต.อ.ชนินท์ธัช มาพบพร้อมบอกว่าตัวเองไม่ได้ติดต่อนายตำรวจท่านใดเพื่อให้เลื่อนตำแหน่งร.ต.อ.ชาญชาย เพียงแค่ไปหลอกลวงร.ต.อ.ชาญชายที่เป็นเพื่อนนักเรียนสิบตำรวจด้วยกัน เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายเองเท่านั้น เมื่อทราบว่า ร.ต.อ.ชาญชาย มาแจ้งความจึงนำเงินจำนวน 7 แสนบาทมามอบให้ แต่ไม่พบจึงฝากไว้กับพนักงานสอบสวน หลังจากนี้หากมีผู้ใดเคยถูกร.ต.อ.ชนินท์ธัช หลอกลวงในลักษณะดังกล่าวสามารถมาให้ถ้อยคำกับพนักงานสอบสวนสน.บางซื่อ เพื่อดำเนินคดีเป็นรายๆ ไปพล.ต.ต.เจริญกล่าว

ทั้งนี้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับร.ต.อ.ชนินท์ธัช รอง สวป.สน.บางรัก ในข้อหาผู้ใดเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นเป็นการตอบแทนในการที่จะจูงใจหรือได้จูงใจพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล โดยวิธีอันทุจริตหรือผิดกฎหมาย หรือโดยอิทธิพลของตน ให้กระทำการหรือไม่กระทำการ ในหน้าที่อันเป็นคุณ หรือเป็นโทษแก่บุคคลใด แต่พฤติการณ์คือการฉ้อโกงทรัพย์ ขณะนี้ยังไม่ได้สอบเพิ่มเติมเนื่องจากต้องรอให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความเสียก่อน

และหลังจากที่เกิดประเด็นนี้ขึ้นมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ได้ออกมาระบุว่า เรื่องตำรวจซื้อตำแหน่งกำลังสอบสวนอยู่และให้คนที่ออกมาแฉมาบอกกับตนๆจะจัดการให้

ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้รายงานให้ทราบแล้ว โดยมอบหมายให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ให้เกิดความชัดเจนโดยเร็ว ซึ่งหากพบการกระทำผิดจริงก็จะมีบทลงโทษทางวินัยและอาญาอย่างแน่นอน

 

การแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจ ไม่มีการจ่ายเงินเพื่อเลื่อนตำแหน่ง และมีระเบียบข้อบังคับตามหลักเกณฑ์อยู่แล้ว แต่หากมีการอ้างตัวว่าสามารถช่วยเหลือในการโยกย้าย หรือ เลื่อนตำแหน่ง ก็อย่าไปหลงเชื่อ ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นการแอบอ้างกระทำกันเอง โดยไม่มีผู้บังคับบัญชารู้เห็น

พลตำรวจโท ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 และ 6 ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบผู้ใต้บังคับบัญชา กรณีที่มีตำรวจ ยศร้อยตำรวจเอก สน.นิมิตรใหม่และสน.บางรัก เรียกรับเงิน 7 แสนบาท เพื่อโยกย้ายตำแหน่งระดับสารวัตร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยได้กำชับให้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์ที่เป็นไปในลักษณะว่าเป็นการยืนยันมีการซื้อขายตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

เพราะว่าที่เห็นได้ชัดเจนย้อนกลับไปก่อนหน้านี้เมื่อปี 2555 เคยถึงขั้นหาเงินมาวิ่งเต้นซื้อตำแหน่งผู้กำกับ ถึงขนาดที่ต้องปล้นรถขนเงินมาแล้ว

19พ.ค.2555 สภ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี รับแจ้ง จากพนักงานบริษัทดีโบว์จำกัด ว่า ถูกคนร้ายปล้นรถขนเงิน ต่อมา พนักงานสอบสวนนำชิ้นส่วนทั้งหมดส่งกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่าคนร้ายที่ร่วมกันปล้นรถขนเงินของธนาคารกสิกรไทย สาขาอินทร์บุรี มีทั้งหมด 7 คน ขณะนี้จับได้แล้ว 3 คน ยังเหลืออีก 4 คน ประกอบด้วย พ.ต.อ.พิจิตร กรมประสิทธิ์ผกก.สภ.ไทรงาม จ.กำแพงเพชร ส.ต.อ.นารายณ์ ทิพย์ปรีชาธร ผบ.หมู่งานสืบสวน กก.สส.บก. ภ.จ.นครสวรรค์ นายมนธร หรือแมน หาวัน และนายใหม่

มีรายงานข่าวว่า ประเด็นการปล้นรถขนเงินของ พ.ต.อ.พิจิตรน่าจะเกิดจากความจำเป็นในการวิ่งหาเงินจำนวนหลายล้านบาทที่ พ.ต.อ.พิจิตรยืมจากคนสนิทใกล้ชิดเพื่อจ่ายให้นักการเมืองใหญ่ระดับประเทศ ผ่านนายตำรวจที่มีความสนิทเพื่อแลกกับการแต่งตั้งเป็น ผกก. โดยยื่นขอลงตำแหน่งพื้นที่ทำเลทอง แต่พอคำสั่งออกมาเป็น ผกก.สภ.ไทรงาม ทำให้หาเงินมาคืนไม่ได้ ช่วงหลังถูกทวงทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยจนต้องตัดสินใจวางแผนปล้นรถขนเงินร่วมกับทีมคนนอกที่เป็นมือเป็นไม้แก๊งทวงหนี้เครือข่ายผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ในช่วงเกิดเหตุได้ถุงเงินบางส่วน แต่กลุ่มคนร้ายได้ไล่ล่ายิงรถเพื่อจะเอาเงินเพิ่ม ทำให้มีการบันทึกภาพกลุ่มคนร้ายในกล้องวงจรปิดได้ชัดเจน

 

มีรายงานว่า ร.ต.อ.ชนินทร์ธัช เป็นตำรวจที่ใกล้ชิดนายพลตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งโยกย้ายเมื่อครั้งที่ผ่านมา

หรือย้อนกลับไป ครั้งหนึ่ง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ก็เคยกล่าวถึงกรณีการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจในตำแหน่งต่างๆ ว่า ทุกครั้งที่มีการโยกย้ายจะมีการวิ่งเต้นจ่ายเงินสูงถึง 8 หลัก โดยเฉพาะถ้าเป็นตำแหน่งผู้กำกับของโรงพักเกรดเอ จะต้องจ่ายเงินถึง 30 ล้านบาท

ก่อนหน้านี้ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กล่าวถึงกรณีการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจในตำแหน่งต่างๆ ว่า   ทุกครั้งที่มีการโยกย้ายตำรวจ ตำแหน่งต่างๆจะถูกกล่าวถึงด้วยจำนวนเงินซื้อขายที่สูงถึง 8 หลัก ขึ้นอยู่กับพื้นที่ อำนาจ หน้าที่ของแต่ละตำแหน่ง

 

- โรงพักเกรดเอ ผกก. 30 ล้าน เกรดบี 20 ล้าน เกรดซี 10 ล้าน ส่วน สารวัตร 5 ล้าน

 

-รองผู้กำกับ ขึ้น ผู้กำกับ ในกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง 5-10 ล้าน

เรื่องของการซื้อขายตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติถือว่าเป็นตัวเร่งที่ทำให้คนในสังคมมีความต้องการ อยากที่จะให้เกิดการปฏิรูปภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติมากที่สุด  ซึ่งก่อนหน้านี้มีบุคคลที่มีชื่อเสียงออกมาเคลื่อนไหวจนสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับวงการ

พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป ระบุว่า   ตอนนี้รัฐบาล มีคำสั่งโยกย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงไม่น้อย คิดว่าน่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาได้ถูกจุดหรือไม่

 

ที่โยกย้าย เพราะเขามีความผิด ไม่ใช่ว่าเห็นว่าการโยกย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นการทำงานเข้มงวดกวดขัน ทั้งที่มันเป็นเรื่องธรรมดาเลย ถ้าไม่ย้าย ก็สมควรจะย้าย ผบ.ตร. ด้วย เพราะเห็นผิดแล้วไม่ลงโทษ ดังนั้นการโยกย้ายจึงเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่การจะมาบอกว่าเป็นการทำงานแข็งขัน ความจริงสมควรจะโดนย้ายด้วย เพราะที่ผ่านมาจับไม่ได้ มีการปล่อยปละละเลย ก็สมควรโดนโยกย้ายด้วย

อีกหนึ่งตัวอย่าง คือ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความทางเฟสบุ๊ก ระบุถึงการปฎิรูปตำรวจและข่าวการซื้อตำแหน่ง ว่า

 

ปฏิรูปตำรวจ มีข่าวกระจายทั่วไปว่า

 

ขึ้น ผู้กำกับ ต้อง 1 ล้าน

 

ขึ้น รองผู้บังคับการ ต้อง 2 ล้าน

 

ถามว่า มี ผู้กำกับ กี่คน

 

มี รองผู้บังคับการ กี่คน

 

ยังไม่นับ สารวัตร รองผู้กำกับการ ผู้บังคับการ รองผู้บัญชาการ ผู้บัญชาการ อีกหลายพันตำแหน่ง

 

มีข่าวว่า ตอนนี้หลายที่ ก็ขี่กันหลายคน หลายที่ยังว่าง

 

นี่ ใช่ไหม คือ การปฏิรูปตำรวจ

 

ใช้ระบบคุณธรรม

 

อย่าใช้ระบบอุปถัมภ์

 

ตำรวจเขาไม่มีกำลังใจทำงานกันแล้ว