"ปธน.ดูเตอร์เต" ของฟิลิปปินส์ประกาศว่าจะหาอาวุธ "รัสเซีย" และ "จีน" ...มาปลดแอกจาก "สหรัฐ"  (ติดตามรายละเอียด)

เพจปอกเปลือกทรราช โพสต์ข้อความ ระบุว่า วันที่ 14 ก.ย.59 RT news พาดหัวข่าวว่า "ผู้นำฟิลิปปินส์มองหาอาวุธจากรัสเซียและจีน มุ่งนโยบายที่เป็นอิสระจากสหรัฐ" (Philippine leader seeks arms from Russia & Chi

เพจปอกเปลือกทรราช โพสต์ข้อความ ระบุว่า วันที่ 14 ก.ย.59 RT news พาดหัวข่าวว่า "ผู้นำฟิลิปปินส์มองหาอาวุธจากรัสเซียและจีน มุ่งนโยบายที่เป็นอิสระจากสหรัฐ" (Philippine leader seeks arms from Russia & China, pursues policies independent from US)

"ฟิลิปปินส์จะมุ่งไปยังนโยบายด้านการต่างประเทศและทหารที่ "เป็นอิสระ" แยกจากผลประโยชน์ของสหรัฐในภูมิภาค" ประธานาธิบดีของประเทศฟิลิปปินส์กล่าว โดยประกาศว่าเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับจีน ตนเองจะระงับการลาดตระเวนทางทะเลของฟิลิปปินส์ร่วมกับสหรัฐ

"ปธน.ดูเตอร์เต" ของฟิลิปปินส์ประกาศว่าจะหาอาวุธ "รัสเซีย" และ "จีน" ...มาปลดแอกจาก "สหรัฐ"  (ติดตามรายละเอียด)

ขณะนี้ประเทศฟิลิปปินส์จะมองไปที่จีนและรัสเซียเพื่อให้ได้มาซึ่งอาวุธใหม่ เพื่อพัฒนาศักยภาพของตัวเองในการปราบปรามพวกกบฏและขบวนการก่อการร้ายในประเทศ

เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา กองทัพเรือของฟิลิปปินส์ได้เริ่มลาดตระเวนทางทะเลในทะเลจีนใต้ร่วมกับสหรัฐเพื่อตอบโต้จีนที่กำลังสร้างเกาะเทียมเหนือแนวประการังที่มีข้อพิพาทกัน

ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เตของฟิลิปปินส์ที่วิพากษ์วิจารณ์นโยบายด้านความมั่นคงของสหรัฐอย่างเปิดเผย ได้ประกาศในการกล่าวถ้อยแถลงทางโทรทัศน์ในวันอังคารนี้ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ทางกองทัพในกรุงมะนิลา ซึ่งเป็น "การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์" (paradigm shift) ในการสานสัมพันธ์กับพันธมิตรต่างๆของประเทศ

"พวกเราไม่ได้ตัดพันธมิตรของพวกเราออกไป - รวมทั้ง (พันธมิตร) ทางทหารด้วย แต่แน่นอนว่า พวกเราจะปฏิบัติตามท่าทีที่เป็นอิสระและนโยบายต่างประเทศที่เป็นอิสระ" ปธน.ดูเตอร์เตกล่าว

"ก้าวแรกของฟิลิปปินส์ก็คือเลือกออกจากการลาดตระเวนที่นำโดยสหรัฐในทะเลจีนใต้ เนื่องจากประเทศนี้ ไม่ได้ต้องการปัญหายุ่งยาก กองทัพเรือของฟิลิปปินส์จะไม่ร่วมเดินทางในการลาดตระเวนในทะเล... เพราะว่าผมไม่ต้องการให้ประเทศของผมถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องในการกระทำที่ไม่เป็นมิตร" ประธานาธิบดีกล่าว

 

"ปธน.ดูเตอร์เต" ของฟิลิปปินส์ประกาศว่าจะหาอาวุธ "รัสเซีย" และ "จีน" ...มาปลดแอกจาก "สหรัฐ"  (ติดตามรายละเอียด)

ก้าวที่สองซึ่งประธานาธิบดีดูเตอร์เตบอกใบ้ให้ก็คือฟิลิปปินส์จะยุติการพึ่งพาด้านอาวุธจากสหรัฐ โดยที่อย่างน้อยที่สุดก็จะหันไปจัดซื้อจัดจ้างอาวุธจากรัสเซียและจีนเป็นบางส่วน ดูเตอร์เตกล่าวว่า ทั้งสองประเทศ (รัสเซียและจีน) ได้ตกลงที่จะปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (soft loan) เป็นเวลา 25 ปีสำหรับซื้อยุทโธปกรณ์ทางทหาร [เฮียสีกับเฮียปูยิ้ม โอบามาคอตก - ผู้แปล]

รายงานข่าวบอกว่าประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ของอาวุธฟิลิปปินส์นำเข้ามาจากสหรัฐตั้งแต่ปี 1950s ข้อมูลจากสถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสต็อกโฮม (Stockholm International Peace Research Institute) นับตั้งแต่นั้นมารัสเซียและจีนก็ถูกผลักออกนอกวง [คราวนี้ก็ถึงคราวที่สหรัฐจะถูกถีบออกไปบ้างหละ - ผู้แปล]

ในการประกาศการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในนโยบายด้านความมั่นคงในครั้งนี้ ประธานาธิบดีได้กล่าวว่า ตนเองต้องการที่จะซื้ออาวุธ "จากที่ไหนก็ได้ที่มีราคาถูก และไม่มีเงื่อนไขติดพันธ์ และมีความโปร่งใส" [แสดงว่าการซื้ออาวุธจากสหรัฐที่เป็นเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมานี้ไม่มีความโปร่งใสนะสิครับท่าน? - ผู้แปล]

"ปธน.ดูเตอร์เต" ของฟิลิปปินส์ประกาศว่าจะหาอาวุธ "รัสเซีย" และ "จีน" ...มาปลดแอกจาก "สหรัฐ"  (ติดตามรายละเอียด)

"เราประเมินแล้วว่าเราต้องการเครื่องบินที่ขับเครื่อนด้วยใบพัด แต่จะต้องสามารถใช้งานได้อย่างกว้างขวางในการต่อสู้พวกกบฏ ผมไม่ต้องการเครื่องบินไอพ่น (อย่าง) F-16 นั่นไม่มีประโยชน์สำหรับพวกเรา...​ พวกเราไม่ได้ต้องการที่จะไปต่อสู้กับประเทศไหน" ผู้นำฟิลิปปินส์กล่าว [ท่านบอกว่าท่านต้องการเฮลิค็อปเตอร์ ถ้าได้ KA-52 รุ่นใหม่ล่าสุดของรัสเซียก็ยิ่งแจ่มเลย F-16 ไม่อาวววว - ผู้แปล]

ประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์กล่าวอีกว่า "ท่าน Delfin Lorenzana รมว.กลาโหม และฝ่ายเทคนิคในกองทัพจะไปเยือนจีนและรัสเซียและดูว่าอันไหนเจ๋งที่สุด" [ตอนนี้รัสเซียกำลังจัดงาน Army 2016 Expo อยู่พอดี - ผู้แปล]

การเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศของฟิลิปปินส์เกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีดูเตอร์เตได้เรียกร้องให้หน่วยรบพิเศษของสหรัฐถอนทัพออกไปจากเกาะมินดาเนาเพียงหนึ่งวัน โดยบอกว่าเพื่อให้ปลอดภัยจากการถูกสังหารโดยกลุ่มก่อการร้ายอาบูซายัฟ

Ernesto Abella โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ได้รีบออกมาชี้แจงว่าแถลงการณ์ดังกล่าวที่พูดว่าเป็นแถลงการร์ในการสั่งให้ถอนกองทัพออกไปนั้น เป็นเพียงคำสั่ง (injunction) และคำเตือน (warning) เกี่ยวกับความเสี่ยงที่ชาวอเมริกันจะเผชิญในมินดาเนาเท่านั้น

[ทั้งโฆษกประธานาธิบดีและรมว.ต่างประเทศของฟิลิปปินส์ต่างก็พากันออกมาอธิบายเพิ่มเติมประมาณว่า จริงแล้วพวกเราไม่ได้ตัดสายสัมพันธ์กับสหรัฐหรือหันหลังให้สหรัฐหรอกนะ เรายังให้ความเคารพต่อมิตรภาพที่ใกล้ชิดกับชาวอเมริกันอยู่ ฟังดูจากท่าทีของผู้นำฟิลิปปินส์แล้วไม่ใช่การหันหลังให้ครับ แต่เป็นการพยายามถีบออกไปจากแผ่นดินฟิลิปปินส์เลยหละ - ผู้แปล]

นาย John Kirby โฆษกก.ต่างประเทศสหรัฐกล่าว่า กรุงวอชิงตันตระหนักถึงการแสดงความคิดเห็นของดูเตอร์เต แต่ไม่ได้ตระหนักถึงการสื่อสารที่เป็นทางการใดๆโดยรัฐบาลฟิลิปปินส์ต่อผลกระทบนั้นและแสวงหาผลลัพธ์เช่นนั้น

[แปลว่าสหรัฐทำทีเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาวหรือไม่ใส่ใจกับคำพูดของปธน.ดูเตอร์เต ของฟังเสียงของรัฐบาลฟิลิปปินส์จะดีกว่า ยุทธการเสี้ยมให้ผู้นำประเทศแตกคอกับรัฐบาลเริ่มขึ้นแล้ว จะมาแบบเดียวกับตุรกีโมเดลหรือเปล่านี่? - ผู้แปล]

ส่วนผู้บัญชาการ Gary Ross โฆษกเพนตากอนกล่าวว่า "ความสัมพันธืระหว่างสหัฐกับฟิลิปปินส์ได้มีความมั่นคงมานานถึง 70 กว่าปีแล้ว พวกเราจะเดินหน้าปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิดกับหุ้นส่วนชาวฟิลิปปินส์ของพวกเราต่อไป เพื่อปรับแต่งการให้ความช่วยเหลือของพวกเราให้เหมาะสมกับแนวทางใดๆก็ตามที่ฝ่ายบริหารยอมรับ"

[สหรัฐส่งหน่วยรบพิเศษเข้าไปในภาคใต้ของฟิลิปปินส์เพื่อฝึกทหารให้กับกองกำลังของฝ่ายกบฏโมโรเพื่อต่อต้านรัฐบาลกลางและแบ่งแยกดินแดน แล้วมาบอกว่าจะปรับแต่งให้เหมาะสมนี่นะ ขืนปล่อยไว้นานกว่านี้รับรอง ภาคใต้ของฟิลิปปินส์ก็จะเป็นเหมือนภาคตะวันออกของตุรกีที่สหรัฐสนับสนุนพวกเคิร์ดให้แยกดินแดนจากตุรกี และเหมือนกับในซีเรียที่สนับสนุนเคิร์ดให้แยกดินแดนจากรัฐบาลกลาง และสนับสนุนพวกกบฏซีเรียให้ก่อสงครามกลางเมืองในซีเรียตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา - ผู้แปล]

อ้างอิงจาก The Eyes  เพจ ปอกเปลือก ทรราช  ,https://www.facebook.com/fisont,https://vk.com/theeyesproject