อย่าได้กระพริบตา!!  จับตาเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ โพลชี้คะแนนนิยมทั่วประเทศฮิลลารียังนำ...แต่ทรัมป์ยังลุ้นเบียดแซงช่วงสุดท้าย (รายละเอียด)

อย่าได้กระพริบตา!! จับตาเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ โพลชี้คะแนนนิยมทั่วประเทศฮิลลารียังนำ...แต่ทรัมป์ยังลุ้นเบียดแซงช่วงสุดท้าย (รายละเอียด)

สำนักข่าวรอยเตอร์และเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน นางฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนพรรคเดโมแครตชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกัน คู่แข่ง โต้ตอบกันด้วยประเด็นด้านเศรษฐกิจในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนหน้าวันลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ โดยนางฮิลลารีกล่าวชื่นชมข้อมูลตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐที่แข็งแกร่ง ขณะที่นายทรัมป์ระบุว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการหลอกลวงในระดับหายนะ

 

ขณะที่เหลือเวลาอีกเพียง 4 วันก่อนหน้าการลงคะแนนเลือกตั้งในวันที่ 8 พฤศจิกายนนี้ คะแนนนิยมสูสีคู่คี่มาโดยตลอดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยผู้สมัครทั้ง 2 รายต่างโจมตีอีกฝ่ายว่าไม่เหมาะสมที่จะเป็นประธานาธิบดีในการเดินหน้าปราศรัยหาเสียงช่วงสุดท้ายในรัฐสะวิงสเตท หรือรัฐที่ไม่มีแนวโน้มว่าสนับสนุนพรรคใดพรรคหนึ่งอย่างชัดเจนที่จะเป็นสมรภูมิสำคัญในการตัดสินผลการเลือกตั้ง

 

ผลสำรวจความคิดเห็นทั่วประเทศล่าสุดจัดทำโดยรอยเตอร์ร่วมกับอิปซอสระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน เผยแพร่เมื่อ 4 พฤศจิกายน ระบุว่า นางฮิลลารีมีคะแนนนิยมจากผู้มีแนวโน้มว่าจะออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งอยู่ที่ 44 เปอร์เซ็นต์ นำหน้านายทรัมป์ที่ได้ไป 39 เปอร์เซ็นต์อยู่ 5 จุด โดยนางฮิลลารีมีคะแนนนิยมนำหน้านายทรัมป์อยู่ที่ระหว่าง 4-7 จุดมาตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นชิ้นอื่นยิ่งสูสีมากกว่านี้ อาทิ เรียลเคลียร์ โพลิติกส์ที่รวบรวมคะแนนนิยมเฉลี่ยของโพลสำรวจทั่วประเทศหลายสำนักประเมินว่า คะแนนนิยมของนางฮิลลารีที่นำหน้านายทรัมป์อยู่ 5 จุด เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้วลดลงเหลือเพียงนำ 2 จุดเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน

ในการกล่าวปราศรัยหาเสียงที่เมืองพิตต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย นางฮิลลารีกล่าวถึงตัวเลขการจ้างงานล่าสุดของรัฐบาลสหรัฐที่เปิดเผยวันเดียวกันนี้ว่า เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยรายงานระบุว่าแรงงานได้รับค่าจ้างสูงขึ้นและตัวเลขการจ้างงานใหม่ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาอยู่ที่ 161,000 ตำแหน่ง ทำให้อัตราว่างงานลดลงจาก 5.0 เหลือ 4.9 เปอร์เซ็นต์

 

ด้านนายทรัมป์ออกมาโต้แย้งโดยกล่าวในการปราศรัยที่รัฐนิวแฮมป์เชียร์วันเดียวกันว่า รายงานการจ้างงานเป็นหายนะอย่างแท้จริง เนื่องจากข้อมูลไม่ตรงกับความเป็นจริงจากการที่มีผู้คนจำนวนมากล้มเลิกการหางานและออกจากระบบของตลาดแรงงานไปแล้ว และตัวเลขที่ออกมาเป็นการหลอกลวง

โดย เอกสิทธิ์ สำนักข่าวทีนิวส์

ขอบคุณข้อมูล จากมติชน ออนไลน์