คอตกนอนคุก!!!ศาลอนุมัติฝากขังผัดแรก 12 วัน "แฮกเกอร์วัยโจ๋" ตร.ค้านประกันหวั่นหนี - ยุ่งพยานหลักฐาน (รายละเอียด)

คอตกนอนคุก!!!ศาลอนุมัติฝากขังผัดแรก 12 วัน "แฮกเกอร์วัยโจ๋" ตร.ค้านประกันหวั่นหนี - ยุ่งพยานหลักฐาน (รายละเอียด)

28 ธ.ค.59  ร.ต.อ.ชลิต มณีพราว พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรม (ปอท.) นำตัว นายณัฐดนัย คงดี อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาคดีแฮ็กข้อมูลลับของกองทัพ มาขออำนาจศาลอาญา ถ.รัชดา ฝากขังผัดแรก โดยผู้ต้องหามีสีหน้า และท่าทางอิดโรย อย่างเห็นได้ชัด  โดยพนักงานสอบสวนยื่นคำร้องระบุพฤติการณ์ว่า


สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2559 เวลา 16.30 น. เจ้าพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อยตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้เข้าตรวจค้น บ้านเลขที่ 778/59 ถนนเจริญพัฒนา แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม. ซึ่งมีเหตุต้องสงสัยว่าที่บ้านหลังดังกล่าวมีการกระทำผิดกฎหมายหรือมีทรัพย์สิน ซึ่งมีไว้ ได้ใช้หรือจะใช้ในการกระทำความผิดซุกซ่อนในบ้านพักหลังดังกล่าว จึงได้ดำเนินการตรวจค้นพบของกลาง 10 รายการ คือ ปืนพกสั้น 2 กระบอก ปืนยาว 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืนลูกซอง จำนวน 19 นัด ปลอกกระสุกนปืนลูกซอง 1 นัด กระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 1 นัด โครงปืน 2 อัน กัญชาแห้ง 2 กรัม คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กสีดำ 1 เครื่อง คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะแบบประกอบ 1 เครื่อง เราเตอร์ไวไฟ จำนวน 1 เครื่อง โทรมือถือยี่ห้อหัวเหว่ย 1 เครื่อง อยู่ในครอบครองของผู้ต้องหา และเนื่องจากผู้ต้องหามีลักษณะคล้ายผู้ติดยาเสพติด และพบกัญชาอยู่ในความครอบครอง จากนั้นจึงนำตัวไปตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะผลตรวจสอบพบปัสสาวะพบสารเสพติดในกลุ่มกัญชา

ต่อมา วันที่ 26 ธันวาคม 2559 ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรม (ปอท.) ได้รวบรวมหลักฐาน เพื่อขอหมายจับผู้ต้องหา โดยกล่าวหาว่า กระทำความผิดฐานเป็นอั้งยี่, ปลอมเอกสารและใช้เอกสารราชการปลอม, ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ, ร่วมกันล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์, นำมาตรการดังกล่าวไปเปิดเผยโดยมิชอบในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น, ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันเข้าถึงโดยเฉพาะ, ร่วมกันกระทำการใดๆโดยมิชอบเพื่อให้การทำงานคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวางรบกวนจนไม่อาจใช้งานปกติได้, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลปลอมหรือเท็จ โดยประการทำให้ผู้อื่นเสียหาย, มีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต, เสพและมีกัญชาไว้เพื่อเสพ อันเป็นความผิดตามบทบัญญัติของพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ร.บ.ยาเสพติด ป.อาญา ทั้งบทหนักและเบารวม 23 กระทง

ผู้ต้องหาให้การภาคเสธ จึงจับกุมและควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี โดยการกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ,พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522  , พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490

ทั้งนี้ท้ายคำร้องฝากขังยังระบุว่า พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวไว้สอบสวนมาตลอดแต่ยังไม่แล้วเสร็จคงต้องสอบพยานอีก 5 ปาก รอผลการตรวจสอบลายนิ้วมือและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหาและอื่นๆ จึงขออนุญาตฝากขังเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2559 ถึง 8 มกราคม 2560 และขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีและไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน

ศาลอ่านคำร้องและถามจำเลยแล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังได้ตามคำร้อง แล้วออกหมายขังไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป