ความยุติธรรม..ไม่เคยมาถึงคนจน?? "ชูวิทย์" จวกยับ อภิหารหารทางกฏหมายใช้ได้แค่กับคนรวย!!พร้อมทิ้งท้ายเจ็บจี๊ด..ทำผิดยังเที่ยวรอบโลกได้สบาย!??

ความยุติธรรม..ไม่เคยมาถึงคนจน?? "ชูวิทย์" จวกยับ อภิหารหารทางกฏหมายใช้ได้แค่กับคนรวย!!พร้อมทิ้งท้ายเจ็บจี๊ด..ทำผิดยังเที่ยวรอบโลกได้สบาย!??

จากกรณีที่ สำนักข่าวเอพี ได้จัดทำบทวิเคราะห์คดีของ บอส หรือนายวรยุทธ อยู่วิทยา ลูกชายของนายเฉลิม อยู่วิทยา ผู้บริหารกระทิงแดง จากกรณีที่นายวรยุทธซิ่งรถหรูเฟอร์รารี่ไปชนเข้ากับรถมอเตอร์ไซค์ของ ด.ต. วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่ ป. สน.ทองหล่อ จนกลายเป็นคดีดังเมื่อปี พ.ศ. 2555 จนถึงตอนนี้ เป็นเวลาผ่านมากว่า 5 ปีแล้ว แต่คดีนี้ยังไม่คืบหน้า ในขณะที่บอสเอง กลับใช้ชีวิตหรูหราฟู่ฟ่า ซื้อรถยนต์หรูพร้อมป้ายราคาแพงในต่างประเทศ

โดยหากย้อนกลับไปเมื่อปี 2555 บอส หรือนายวรยุทธ อยู่วิทยา ได้ซิ่งรถหรูเฟอร์รารี่ไปบนถนนสุขุมวิท ก่อนที่จะชนเข้ากับรถจักรยานยนต์ของ ด.ต. วิเชียร ทว่านายวรยุทธเองไม่หยุดรถ เขากลับพยายามเร่งเครื่องหนีและลากศพของ ด.ต. วิเชียร ไปตามถนน พร้อมกับทิ้งร่องรอยน้ำมันเบรก ที่ทำให้สาวไปจนถึงบ้านของนายวรยุทธได้ถึงที่สุด

อย่างไรก็ตาม คดีนี้ได้ผ่านมาเป็นเกือบ 5 ปีแล้ว แต่อัยการก็ยังไม่สั่งฟ้องนายวรยุทธ และเมื่อครั้งที่ตำรวจเรียกนายวรยุทธไปรับทราบข้อกล่าวหา เขาก็กลับไม่ไปปรากฏตัว โดยยื่นเรื่องให้ทนายความไปดำเนินคดีแทนว่า ในตอนนั้นเขาเองป่วยและไปทำงานที่ต่างประเทศ และภายในปีนี้ คดีเรื่องชนแล้วหนีของนายวรยุทธจะหมดอายุความลงแล้ว

           หลายคนอาจจะคิดว่า ในระหว่างนี้ นายวรยุทธได้หลบซ่อนตัวในต่างประเทศ และใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเพียงไม่กี่สัปดาห์ภายหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุ นักข่าวของเอพีได้สืบทราบว่า นายวรยุทธได้กลับไปใช้ชีวิตหรูหราฟู่ฟ่าตามเดิม เขาเดินทางไปทั่วโลกด้วยเครื่องบินเจ็ทสุดหรู เข้าร่วมชมการแข่งขันรถยนต์สูตร 1 ฟอร์มูล่า วัน จากที่นั่งวีไอพีของกระทิงแดง รวมทั้งยังเป็นเจ้าของรถยนต์ปอร์เช่ คาร์เรร่า ในลอนดอน ที่มาพร้อมกับแผ่นป้ายทะเบียนสั่งทำพิเศษคือ  B055 RBR หรืออ่านว่า บอส เรดบูลเรสซิ่ง

นอกจากนี้ เพียง 3 เดือนหลังจากที่เกิดเหตุ นายวรยุทธได้ปรากฏตัวในงาน Red Bull Singha Race of Champions ที่จัดขึ้นที่ กทม. เขาเองใส่หมวกกระทิงแดงและล้อมรอบไปด้วยญาติและเพื่อน  ๆ พร้อมกับห้อยป้าย วีไอพี บนคอ
และไม่เพียงเท่านั้น เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายวรยุทธ และครอบครัวได้ไปพักผ่อนที่เมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว และพักในรีสอร์ทสุดหรูคืนละเกือบ 35,000 บาท ดินเนอร์ที่โรงแรมชั้นนำ ไปเยี่ยมชมวัดและจัดงานปาร์ตี้ริมสระน้ำก่อนที่จะบินกลับกรุงเทพมหานคร

      

ด้านนักวิเคราะห์มองว่า คดีลูกกระทิงแดงนี้ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของคนรวยที่ได้รับอภิสิทธิ์ในสังคมไทย แม้ว่ารัฐบาลจะประกาศทำสงครามกับการคอร์รัปชัน และให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำให้สังคมไทยเป็นสังคมที่ดีและลดความเหลื่อมล้ำให้ได้มากที่สุด ทว่า เมื่อเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนแล้วเหยื่อไม่ได้รับความยุติธรรมนั้น กลับเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความอยุติธรรมและความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย ลูกเศรษฐีที่กระทำความผิด มักจะได้รับโทษที่เบากว่าประชาชนคนไทยทั่วไป

โดยต่อมาล่าสุดในวันนี้(03/04/2560) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ อดีตนักการเมืองชื่อดังได้ออกมาโพสข้อความถึงเรื่องดังกล่าวโดยระบุว่า “อภินิหารความยุติธรรม”
ไม่เคยมาถึงคนธรรมดา
ครอบครัวและเมีย ดาบตำรวจที่ถูกนายบอส ทายาทกระทิงแดงชน ร้องว่า ไม่เคยได้รับเงินชดเชยเยียวยาจากนายบอสแม้แต่สตางค์แดงเดียว
การขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีกรณีเทียบเคียงที่เห็นๆ คือ “ครูจอมทรัพย์” และล่าสุด “ลูกของนายโหน่ง ชะชะช่า”
กรณี ครูจอมทรัพย์ จริงไม่จริงไม่ทราบ แต่อัยการสรุปสำนวนสั่งฟ้องภายในระยะเวลา 4 เดือน ต่อสู้ถึงศาลฎีกา ถูกลงโทษจำคุก 3 ปี
การดำเนินการของอัยการที่สั่งฟ้อง เป็นไปด้วยความรวดเร็ว
ส่วนกรณี ลูกนายโหน่ง ชะชะช่า เมื่อชนแล้ว เข้าไปแสดงตน รับปากดูแลเยียวยาให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต
แสดงถึงความรับผิดชอบ จริงใจ และมีคุณธรรม
แต่กรณีของนายบอส กระทิงแดง ไม่มีแม้แต่ความรับผิดชอบในการหยุดช่วยเหลือ และยังลากร่างผู้เสียชีวิตไปกว่าร้อยเมตร ซ้ำยังไม่ยอมรับ ให้พ่อบ้านมาออกหน้ารับผิดแทน
ใช้ “อภินิหาร” ยื้อคดี ประวิงเวลา จนเนิ่นนานมาถึงเกือบ 5 ปี โดยที่อัยการยังไม่สั่งฟ้อง มีการขอเลื่อนนัดอัยการมากกว่า 10 ครั้ง
เท่านั้นยังไม่พอ ครอบครัวของผู้เสียหายยังเปิดเผยว่า ไม่เคยได้รับการชดใช้เยียวยา
ประเทศไทยเรานี้ ความยุติธรรมเป็นเรื่องที่หายากยิ่งสำหรับคนธรรมดา
แต่สำหรับคนชนชั้นอย่างนายบอสนั้น อภินิหารใช้ได้เสมอ
ไม่ช่วยเหลือ ไม่เยียวยา เลื่อนนัดอัยการ แถมไปเที่ยวรอบโลกสบายๆ

ภาพจาก FB ชูวิทย์ I'm Back

อ้างอิงจาก FB ชูวิทย์ I'm Back