"ผมเข้าใจดี" นายกรัฐมนตรี "ขอโทษประชาชน" รับหากบังคับใช้กฎหมายมากไป ก็สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน ยันอะลุ้มอล่วยเพื่อให้ประชาชนสบายใจ

นายกรัฐมนตรี "ขอโทษประชาชน" รับหากบังคับใช้กฎหมายมากไป ก็สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ยันอะลุ้มอล่วยเพื่อให้ประชาชนสบายใจ

สืบเนื่องจากการออกกฏหมายสำหรับมาตรการเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน ล่าสุดเมื่อวานที่ผ่านมา วันที่ 7 เมษายน 2560 รายการ ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า ที่ผม ในฐานะ หน.คสช. ได้ออกคำสั่ง ตามมาตรา44 และเป็นประเด็นในสังคมอยู่ในเวลานี้นั้น ก็เป็นเพียงการเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่เดิม โดยมุ่งหวังที่จะลดอุบัติเหตุ, ลดความเศร้าโศกจากการสูญเสีย และลดเรื่องราวสะเทือนใจในห้วงเวลาแห่งความสุข จากการเสนอข่าวที่คอยแต่นับตัวเลขอุบัติเหตุ คนเจ็บ คนตายแบบนี้ เราจะมีความสุขได้อย่างไรกันครับ 

ทุกคนทราบดี ที่ผ่านมา ทุกเทศกาลวันหยุดยาว เราจะได้พบเห็นอุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นจำนวนมากสร้างความเศร้าโศกเสียใจแก่ญาติ พ่อแม่ พี่น้อง ลูกหลาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุบัติเหตุใหญ่ๆ ที่ต้องมีคนเจ็บคนตายจำนวนมาก ไม่ว่าจะรถบัส–รถตู้– รถกระบะที่มีคนนั่งท้าย พวกเมาแล้วขับ สร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น พวกเจ็บหรือเสียชีวิตเพราะไม่คาดเข็มขัดนิรภัย พวกขับรถเร็วเกินไป คึกคะนอง และอีกมากมาย ทำไมเราต้องปล่อยให้เหตุการณ์แบบนั้น เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าครับ 
    

 

ผมเข้าใจดี พี่น้องประชาชนจะต้องเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือไปเที่ยวตามที่ต่างๆ รวมถึงการฉลองเทศกาลสงกรานต์จำนวนมากที่เดินทางโดยรถไฟ รถบัสโดยสาร รถตู้  และจำนวนมากที่เดินทางด้วยรถส่วนตัว รถปิคอัพ นั่งท้ายบ้าง ไม่นั่งบ้างจะให้ไปนั่งรถทัวร์หรือรถโดยสาร ก็ต้องเสียค่าใช้จ่าย หรือตั๋วเต็ม หาไม่ได้ ก็ไม่ได้กลับบ้านจริงๆแล้ว ถ้าทุกคนเคารพกฎหมาย กฎจราจร ซึ่งมีบังคับใช้ตามปกติอยู่แล้ว การบาดเจ็บสูญเสียก็จะไม่เกิดขึ้น
    
ผมเข้าใจดีครับ หากบังคับใช้กฎหมายกันอย่างเต็มที่ ก็จะสร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนมากเกินไป เจ้าหน้าที่ก็จะอะลุ้มอล่วยให้ในบางส่วน ดังที่ทางตำรวจได้ชี้แจงไปแล้ว เช่น เพื่อ “สร้างวินัยการจราจร” ที่ถูกต้องผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่นั่งเบาะหน้า จะต้องคาดเข็มขัดนิรภัยตามกฎหมายแต่จะอนุโลมผู้ที่นั่งเบาะหลังที่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ส่วนรถโดยสารสาธารณะ –รถแท็กซี่–รถตู้–รถบัส ต้องคาดเข็มขัดทุกที่นั่ง และรถกระบะ อนุโลมให้นั่งท้ายกระบะได้แต่ห้ามนั่งบนขอบกระบะ

แต่สิ่งที่ผมขอเน้นย้ำ คือ “ผู้ขับขี่” ต้องไม่ดื่มสุรา ไม่ประมาท ไม่โทร ไม่เชทพักผ่อนให้เพียงพอ ใช้ความเร็วตามกฎหมายกำหนด และรักษาวินัยจราจร “ผู้โดยสาร”ควรป้องกันตัวเอง ด้วยการคาดเข็มขัดนิรภัย “ทุกคน” “รถทุกคันบนถนน” ทั้งรถจักรยานยนต์, รถยนต์ส่วนบุคคล และรถโดยสารสาธารณะทุกประเภท ต้องตรวจสภาพให้พร้อม ก่อนออกเดินทาง ทั้งนี้ “ทุกคน” บนถนน มีส่วนรับผิดชอบในความปลอดภัยซึ่งกันและกันนะครับ
    
หลังสงกรานต์หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้หารือกันอีกครั้ง เพื่อพิจารณาความเหมาะสมว่าจะปรับมาตรการอย่างไร ให้สอดคล้องกับความเป็นจริง จะมีห้วงเวลาอย่างไรให้ประชาชนได้มีโอกาสปรับตัว ปรับวิถีการเดินทางบนท้องถนน ซึ่งรัฐบาลจะเร่งรณรงค์สร้างความเข้าใจ อย่างต่อเนื่องต่อไป
    
ผมขอให้ทุกคนเดินทางไป – กลับ โดยสวัสดิภาพ ใช้ความระมัดระวัง มีสติ คิดถึงคนที่อยู่ที่บ้าน และมีความสุขในเทศกาลสงกรานต์ทุกคน รวมทั้ง ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ทั้งพลเรือน – ตำรวจ – ทหาร – และอาสาสมัครที่เสียสละความสุขส่วนตน และอุทิศเวลาทำงานเพื่อส่วนรวม รวมทั้งครอบครัวของเจ้าหน้าที่ทุกท่านด้วยครับ

 

 

ทั้งนี้ในช่วงท้ายของรายการ ยานกรัฐมนตรียังได้อวยพรให้กับพี่น้องประชาชนความว่า  "เนื่องจากวันที่ 13 เมษายนของทุกปี เป็น “วันสงกรานต์” และ “วันผู้สูงอายุแห่งชาติ” ส่วนวันที่ 14 เมษายน เป็น “วันครอบครัว” ผมอยากให้เป็นโอกาสที่พี่น้องประชาชนจะได้รวมญาติ รวมครอบครัว ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับบุพการี รดน้ำดำหัว ขอพรผู้เฒ่า–ผู้แก่เพื่อเสริมสร้างความเป็นสิริมงคล และเพื่อความอบอุ่น–ความสุขร่วมกันของครอบครัว ตามประเพณีและวัฒนธรรมอันดีของไทย สำหรับการละเล่นสงกรานต์"

 

ขอบคุณวีดิโอ : Youtube  Thaitv6