สุดโหดเหี้ยม แม่ใจยักษ์ สารภาพ "ฝังลูกทั้งเป็น" นานถึงสามวัน ลั่นเอาให้ตายไปเอง สังคมรุมประณาม !!

สุดโหดเหี้ยม แม่ใจยักษ์ สารภาพ "ฝังลูกทั้งเป็น" นานถึงสามวัน ลั่นเอาให้ตายไปเอง สังคมรุมประณาม

ในหัวอกของผู้ที่เป็นแม่ ต่างก็ต้องยินดีกับการที่ได้มีลูกสักคนมาเป็นโซ่คล้องใจ โดยไม่ว่าเขาจะดีร้ายแค่ไหน ก็ยินดีที่เลี้ยงดูลูกด้วยความรักและความอบอุ่น เพื่อให้ลูกน้อยให้ได้เติบโตมาสมบูรณ์ แข็งแรง และเป็นคนดีของสังคม

เว็ปไซต์ เดอะซัน รายงานว่า พบ "เด็กทารก" ตัวน้อยในแอฟริกา ถูกฝังอยู่ในดินเป็นเวลานานถึงสามวัน ด้วยฝีมือของผู้เป็นแม่แท้ๆของตัวเอง

โดยร่างของหนูน้อยรายนี้ ได้ถูกฝังอยู่บริเวณโรงงานไม้ซุงแห่งหนึ่ง ซึ่งได้มีคนงานในโรงงานเดินผ่านมาเห็น ก่อนแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ พร้อมทั้งโยงเบาะแสไปที่ "นางสาวเอ" (นามสมมติ) ซึ่งเธอเป็นสาวโรงงานวัย 25 ปี ที่ได้ตกเป็นผู้ต้องสงสัย เพราะก่อนหน้านี้เธอมีการตั้งครรภ์แล้วหลังจากนั้นก็ได้ผิดปกติไป

 

สุดโหดเหี้ยม แม่ใจยักษ์ สารภาพ "ฝังลูกทั้งเป็น" นานถึงสามวัน ลั่นเอาให้ตายไปเอง สังคมรุมประณาม !!

 

 

 

 

 

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้สอบถามนางสาวเอแล้วก็ปรากฏความจริง ว่าเธอได้เป็นผู้ลงมือฆ่าลูกน้อยในไส้เธอ ด้วยการจับลูกไปฝังดิน ซึ่งลูกของเธอต้องโดนทั้งมดและแมลงต่างๆไต่ตอมกัดอยู่เช่นนั้นเป็นเวลาสามวัน ก่อนที่เพื่อนร่วมงานจะพบร่าง 

เธออ้างว่าสาเหตุที่เธอได้ทำลงไป นั่นก็เพราะว่าเธอมีลูกคนแรกอยู่แล้ว 1 คน ซึ่งเขาก็อายุ 4 ขวบแล้ว เธอกลัวว่าเรื่องการตั้งครรภ์และมีลูกคนที่สองจะรู้ไปถึงพ่อแม่ของเธอ แล้วเธอจะถูกตำหนิติเตียน และไม่ยอมรับลูกที่มาจากคนอื่น จึงได้พยายามฝังลูกคนสอง แล้วให้เขาตายไปเอง
 

 

สุดโหดเหี้ยม แม่ใจยักษ์ สารภาพ "ฝังลูกทั้งเป็น" นานถึงสามวัน ลั่นเอาให้ตายไปเอง สังคมรุมประณาม !!

 

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม ยังถือเป็นโชคดีของหนูน้อยรายนี้ที่ไม่เสียชีวิต มีเพียงแผลตามร่างกายจากการที่ได้ถูกฝังมานั่นเอง ล่าสุดจึงต้องทำการรักษาร่างกายให้เรียบร้อยก่อน ส่วนผู้เป็นแม่ก็ได้ถูกปล่อยตัวออกมา ก่อนที่จะรอคำสั่งพิจารณาคดีอีกครั้งเมื่อเด็กร่างกายสมบูรณ์

 

สุดโหดเหี้ยม แม่ใจยักษ์ สารภาพ "ฝังลูกทั้งเป็น" นานถึงสามวัน ลั่นเอาให้ตายไปเอง สังคมรุมประณาม !!

 

 

สุดโหดเหี้ยม แม่ใจยักษ์ สารภาพ "ฝังลูกทั้งเป็น" นานถึงสามวัน ลั่นเอาให้ตายไปเอง สังคมรุมประณาม !!

 

 


ขอบคุณข้อมูลและภาพ : เว็ปไซต์ the sun