- 21 มิ.ย. 2560
ฟินแลนด์ถูกจัดว่าเป็นประเทศที่มีการศึกษาดีที่สุดเป็นอันดับที่หนึ่งของโลกและในทางกลับกันการศึกษาของประเทศไทยนั้นถดถอยลงเรื่อยๆ
ฟินแลนด์ถูกจัดว่าเป็นประเทศที่มีการศึกษาดีที่สุดเป็นอันดับที่หนึ่งของโลก และในทางกลับกันการศึกษาของประเทศไทยนั้นถดถอยลงเรื่อยๆ จากผลสำรวจที่จัดทำโดยสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการเปิดเผยถึงผลการพัฒนาการศึกษาไทยที่ผ่านมาว่า พัฒนาการของเด็กแรกเกิดถึงอายุ 5 ปี ในช่วงปี2553-2557 มีพัฒนาการสมวัยลดลง จากร้อยละ 73.4 เป็นร้อยละ 72.7 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานจากคะแนน O-NET ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ความสามารถในการเรียนรู้ของผู้เรียนเทียบกับนานาประเทศทั่วโลกและในอาเซียน ประเทศไทยยังอยู่ในลำดับที่ต่ำ ทักษาการเรียนรู้และการใฝ่หาความรู้ของคนไทยพบว่าเพิ่มมากขึ้นแต่ยังขาดความสามารถในการจัดการและการสังเคราะห์ข้อมูล มีมหาวิทยาลัยเพียงไม่กี่แห่งที่ติดอันดับจากผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยในระดับภูมิภาคเอเชียและระดับโลก การจัดสรรงบประมาณเพื่อการศึกษาของประเทศไทยพบว่าค่อนข้างสูง และขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการศึกษาของประเทศไทยเทียบกับนานาประเทศมีอันดับลดลง ซึ่งการผลสำรวจสามารถสะท้อนภาพการศึกษาไทยได้เป็นอย่างดีว่ายังขาดระบบการศึกษาที่มีคุณภาพและยังขาดความเข้าใจและการบริหารที่ถูกต้อง
เด็กในวัยประถมศึกษาที่ฟินแลนด์จะเรียนไม่เกินวันละ 5 ชั่วโมง รวมแล้วสัปดาห์ละ 20 ชั่วโมง ซึ่งในเวลานี้ได้รวมถึงช่วงเวลาการพักกลางวันด้วย เฉลี่ยแล้วนักเรียนในฟินแลนด์มีชั่วโมงเรียนต่อวันน้อยที่สุดและต่อปีสั้นที่สุดในบรรดาชาติตะวันตก เพราะเชื่อว่าเด็กวัยนี้ควรจะมีเวลาทำในกิจกรรมที่ตัวเองสนใจมากกว่า ในขณะที่โรงเรียนในไทยมีเวลาเข้าเรียนโดยประมานตั้งแต่ 8.30 ถึง 15.30 และในบางครั้งยังมีการต่อเรียนพิเศษต่อในตอนค่ำ
ห้องเรียนที่ฟินแลนด์จะกำหนดให้มีนักเรียนห้องละ 12 คน สูงสุดไม่เกิน 20 คน และถ้าเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงก็จะยิ่งจำกัดจำนวนเด็กในห้องให้น้อยลง เพราะที่ฟินแลนด์จะเน้นการพัฒนาคน มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาความสามารถในการเรียนรู้และการดำรงชีวิต ซึ่งนักเรียนแต่ละคนมีศักยภาพที่แตกต่างกัน การดูแลรายบุคคลจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ในขณะที่ประเทศไทยจำนวนนักเรียนเฉลี่ยต่อห้องประมาน 30-40 คน ฟินแลนด์มองว่าการเรียนคือการพัฒนาแต่ละบุคคล ไม่ใช่การแข่งขัน ดังนั้นจึงไม่มีการให้เกรดเฉลี่ยมาเป็นตัวแบ่งแยกความภาคภูมิใจหรือความอับอายให้แก่เด็ก แต่เน้นสร้างความรู้ความเข้าใจในสิ่งที่เรียนรู้มากกว่า ส่วนประเทศไทยนั้นเกรดเฉลี่ยถือเป็นส่วนสำคัญของการเรียน เนื่องจากการจะศึกษาต่อไประดับชั้นถัดไปจะต้องใช้ผลการเรียนเป็นส่วนหนึ่งในการคัดเลือก เช่น การคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย และโรงเรียนทุกแห่งของประเทศฟินแลนด์มีมาตรฐานเท่าเทียมกันทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนที่อยู่ในเมืองหรือเป็นโรงเรียนชานเมือง ทำให้ไม่ว่านักเรียนในย้ายไปเมืองไหนของประเทศก็ตามก็สามารถเข้าศึกษาในโรงเรียนนั้นๆและมั่นใจได้ว่าได้มาตราฐานเหมือนกันกับทุกโรงเรียนในฟินแลนด์
สุดท้ายนี้จะเห็นได้ว่าประเทศไทยนั้นมีโรงเรียนสอนกวดวิชาเปิดตัวขึ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งการที่มีโรงเรียนสอนกวดวิชามากขนาดนี้สะท้อนให้เห็นว่านักเรียนในประเทศไทยมีความต้องการเรียนโรงเรียนสอนกวดวิชาเพิ่มเติมจากโรงเรียนปกติ อันเนื่องมาจากคิดว่าการเรียนในโรงเรียนปกติไม่เพียงพอต่อการใช้สอบคัดเลือกเพื่อเข้าศึกษาระดับชั้นต่อไป แสดงให้เห็นอย่างยิ่งถึงความอ่อนแอของระบบการศึกษาไทย