ผู้ว่าฯ สตง.แฉกลโกง นักการเมือง ไม่เลือกพรรค ชี้ อดีตเคย กิน-นอน อยู่วัด ยังไม่เว้น

เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ที่ห้องประชุมมูลนิธิ 14 ตุลา นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผนดิน(สตง.) กล่าวถึงกลโกงของนักการเมือง ในงานเสวนา "บ้านเมืองมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ว่า ที่บ้านเมืองสิ้นงบประมาณเป็นจำนวนมาก เพราะพรรคการเมืองเปลี่ยนนโยบายมาโดยตลาด นอกจากนี้ยังมีหลายนโยบายที่ล้มเหลว เช่น โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ นั่นเท่ากับว่า หนึ่งตำบลหนึ่งเจ๊ง ซึ่งเมื่อปี 2552 สตง.รวมความเสียหายได้ถึง 2 พันล้านบาท และเมื่อ สตง.ส่งหนังสือท้วงติงว่าโครงการต่างๆนั้น ได้มีข้อศึกษาวิจัยหรือไม่ ผู้ที่เกี่ยวข้องถามกลับมา ว่าทำไมต้องมี เพราะเป็นการกระทำในสิ่งที่ชาวบ้านชอบ เจ๊งไม่เป็นไร เพราปีหน้าชาวบ้านก็ลืมแล้ว

“เช่น โครงการสนามฟุตซอล ถามว่าเป็นความต้องการของประชาชนหรือไม่ ทุกวันนี้มีนักฉวยโอกาส นักหาผลประโยชน์อยู่มาก ผมไม่เรียกคนเหล่านี้ว่านักการเมือง เพราะนักการเมืองคือคนที่เสียสละ แต่นักฉวยโอกาสเหล่านี้ ก็จะคิดเสนอโครงการอยู่เรื่อยๆ เช่น พรรคพวกดูแลกระทรวงท่องเที่ยวและกระทรวงคมนาคม ก็สามารถโอนงบจากกระทรวงหนึ่ง ไปยังกระทรวงหนึ่ง เช่น กระทรวงคมนาคมทำสนามกีฬา เป็นต้น ถามว่าถ้าไม่ใช่บารมีทางการเมือง สามารถทำได้หรือไม่” นายพิศิษฐ์ กล่าว

นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า สิ่งเหล่านี้สะท้อนกลโกงในสังคม ว่าการเมืองนั้น มีเรื่องของผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้น สตง.จึงให้ความสำคัญกับการตรวจสอบงบประมาณท้องถิ่น เพราะนับว่าได้งบประมาณลงไปในพื้นที่จำนวนมาก จึงจะเป็นว่ามีอดีต ส.ส.หลายคนลงไปเล่นการเมืองท้องถิ่น และวิธีการโกงยังมีการพัฒนาบางอย่าง เพื่อที่จะได้ประโยชน์บางอย่าง ทั้งนี้ หากทำอะไรโดยไม่ใช่ประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง ก็จะทำลายประเทศ นโยบายประชานิยม เป็นสิ่งที่ดี แต่วันนี้กลับถูกแอบอ้างไปใช้ประโยชน์ คนจึงติว่าประชานิยมไม่ดี หากใครได้มีโอกาสไปต่างจังหวัด จะพบว่าชาวบ้านได้รับแจกเสื้อทุกประเพณี ไม่ว่าจะเป็นลอยกระทง กินเจ เป็นต้น 

 

"เราไม่ได้มองว่าทุกคนเป็นคนเลว  แต่จะมองว่าทุกคนเป็นคนดีทั้งหมดโดยไม่มีมาตรการควบคุมไม่ได้ ในอดีตเราเคยมีนักการเมืองใหญ่ ที่เคยเรียนหนังสือโดยอาศัยวัดแถวบางลำพู กินข้าววัด นอนวัด ไม่คิดว่าจะโกง แต่มีคำพิพากษาว่าโกงจึงต้องชดใช้หลายพันล้าน แต่ตายก่อนจะชดใช้" นายพิศิษฐ์ กล่าว