เปิดปูมตัวเต็ง ‘ผอ.พศ.คนใหม่’ ‘พล.ต.อ.วิระชัย’ เอามาสงบศึก ‘พระ’

เปิดปูมตัวเต็ง ‘ผอ.พศ.คนใหม่’ ‘พล.ต.อ.วิระชัย’ เอามาสงบศึก ‘พระ’

หลังพ.ต.ท.พงศ์พร พราหมเสน่ห์ พ้นเก้าอี้ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ด้วยเล่ห์กลของพระและฆราวาสบางสาย ทำให้มีการจับตามองกันว่า บุคคลที่จะถูกนำเข้ามาใหม่จะต้องมีคุณลักษณะพิเศษสำคัญคือ มีบุคลิกที่ประนีประนอม เพื่อลดการกระทบกระทั่งกันเหมือนที่ผ่านมา

 ขณะนี้ชื่อที่มาแรงแซงทุกคน กลายเป็นคนจากวงการสีกากีอีกครั้งคือ “พล.ต.อ.สุวิระ หรือ วิระชัย ทรงเมตตา” ที่ปรึกษา (สบ. 10) ได้ปัจจุบันได้พาสชั้นเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) สดๆ ร้อนๆ

 

 

 เหตุใดชื่อพล.ต.อ.วิระชัย จึงมาแรง นั่นเพราะเป็นชื่อที่มีการพูดคุยกันในวงเล็กเมื่อครั้งหารือเรื่องการโยกพ.ต.ท.พงศ์พร ออกจากเก้าอี้ผอ.พศ. เมื่อประมาณราวต้นสัปดาห์ก่อน

 แม้จะดูเหมือนมีความเป็นไปได้น้อย เพราะเก้าอี้รองผบ.ตร.นั้นถือว่า ใหญ่แล้วในยุทธจักรสีกากี เป็นรองเพียงผบ.ตร.เท่านั้น

ขณะเดียวกันพล.ต.อ.วิระชัย ยังมีอายุราชการเหลืออีกหลายปี จะยอมโยกเก้าอี้มาจบเป็นข้าราชการพลเรือนหรือไม่

 เรื่องนี้ว่ากันว่า แม้พล.ต.อ.วิระชัย ได้จะเก้าอี้แต่โอกาสเติบโตในสายงานตำรวจ น่าจะหยุดอยู่เพียงแค่รองผบ.ตร.แล้ว จึงน่าจะหันมาเอาดีในเส้นทางข้าราชการพลเรือนเหมือนกับนายตำรวจหลายคนก่อนหน้านี้ ซึ่งการขึ้นชั้นเป็นรองผบ.ตร.ป้ายแดงในปัจจุบัน ทำให้เจ้าตัวสามารถเทียบโอนมาเป็นข้าราชการในชั้นซี 10 ได้สบายๆ 

 

 นอกจากนี้ ด้วยบุคลิกนิสัยส่วนตัวแล้ว พล.ต.อ.วิระชัย เป็นประเภทเดินสายทำบุญ ชอบร่วมกิจกรรมทางศาสนาอยู่เสมอ ที่สำคัญ เป็นลูกศิษย์ของสมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบัน และพระราชาคณะหลายรูป จึงทำให้มีการมองว่า จะสามารถทำงานร่วมกับพระได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกัน สกิลในงานตำรวจก็สามารถที่จะช่วยเอื้อต่อการทำคดีต่างๆ ได้

 

 แต่ด้วยความประนีประนอมนี้เอง แม้จะถูกใจพระราชาคณะหลายรูปที่ได้พล.ต.อ.วิระชัย มาทำหน้าที่ แต่เรื่องการตรวจสอบการทุจริตเงินทอนวัดจะสามารถทำได้เข้มข้มเหมือนกับยุคของพ.ต.ท.พงศ์พรหรือไม่ เพราะอาจมีความเกรงอกเกรงใจพระผู้ใหญ่ในฐานะที่ตัวเองเป็น “ลูกศิษย์”

 

 ขณะที่ปูมหลังของพล.ต.อ.วิระชัยนั้น เคยทำคดีที่เป็นที่รู้จักในสังคมเป็นอย่างดี อาทิ “คดีแชร์ลูกโซ่ยูฟัน” หรือการออกมาให้สัมภาษณ์ส่งสัญญาณเตือนดารานักแสดงเรื่องการโพสต์รูปสุราในโซเชียลมีเดีย ซึ่งอาจมีความผิด นอกจากนี้ ยังเป็นอดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) อีกด้วย

 คงต้องติดตามอย่าได้กระพริบตาว่า สุดท้ายแล้วเก้าอี้ผอ.พศ. จะกลายเป็นพล.ต.อ.วิระชัย ที่เข้าวินหรือไม่ แล้วถ้าใช่ การทำงานจะจริงจังเหมือนกับยุคของพ.ต.ท.พงศ์พรหรือไม่ 

 หรือนำมาแค่ “สงบศึก” และให้พระรู้สึกแฮปปี้เท่านั้น ส่วนคดีความไว้ว่ากันทีหลัง.