คนร.งง รายจ่ายบินไทยที่ไม่ใช่บัญชีน้ำมันสูง สั่งคมนาคมทำแผนธุรกิจ 3 รัฐวิสาหกิจ

คนร.งง  รายจ่ายบินไทยที่ไม่ใช่บัญชีน้ำมันสูง  ยกตัวอย่างติดใจ  “ ทำงาน 30 วัน โอที 24 ชม.”

สั่งคมนาคมทำแผนธุรกิจ 3 รัฐวิสาหกิจ “บินไทย รฟท. ขสมก.”  เสนอ หวังลดขาดทุนโตยั้งยืน เห็นชอบเอสเอ็มอีแบงก์ออกจากแผนฟื้นฟู ทำเนียบรัฐบาล - นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.)  ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ (คนร.)    แถลงผลประชุมคนร. ครั้งที่ 1/2561 โดยมีนายกฯเป็นประธานว่า   ที่ประชุมได้สั่งการให้ก.คมนาคม ไปจัดทำรูปแบบธุรกิจในอนาคตของ 3 รัฐวิสาหกิจสำคัญของไทยที่ประสบปัญหาขาดทุน คือ การบินไทย การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)  โดยให้ทั้งหมดสรุปแผนและนำกลับมาเสนอคณะอนุกรรมการชุดที่มีพล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ภายในเดือนก.พ.นี้

“ ที่ประชุมได้สั่งการให้ก.คมนาคมไปจัดทำ business model ของการบินไทย รฟท. ขสมก. มานำเสนอว่าอนาคตจะประกอบธุรกิจให้ยั่งยืนลดการขาดทุนอย่างไร เพื่อไม่ให้กลับมาเกิดปัญหาในอนาคต.....รวมถึงให้ไปดูเรื่องการควบคุมรายจ่ายที่ไม่เกี่ยวกับน้ำมันซึ่งยังมีอยู่สูง ยกตัวอย่างเช่นเรื่องของโอที  ที่มีการยกตัวอย่างว่าบางคนทำงาน 30 วันแต่มีโอทีเกิน 24 ชม. แบบนี้ก็ต้องไปดู ” เลขาฯคนร.กล่าว

นายเอกนิติกล่าวว่า ในส่วนการแก้ไขปัญหาของการบินไทย ได้สั่งการให้การบินไทย เร่งนำระบบ Revenue Management System (RMS) และระบบ Network Management System (NMS) มาใช้ให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น และควบคุมค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่น้ำมัน โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายฝ่ายช่างหรือฝ่ายอื่น  และนำระบบบริหารจัดการหารายได้ และสร้างความสามารถในการแข่งขันด้านราคา  

โดยคำนึงถึงมาตรฐานความปลอดภัยในการให้บริการด้วย   นอกจากนี้ คนร. ยังได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับการบินไทย พิจารณารูปแบบในการธุรกิจให้สอดคล้องกับภาวะอุตสาหกรรมในปัจจุบัน และพิจารณาเส้นทางการบิน และแบบฝูงบินให้มีความสอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจ

ในส่วนรัฐวิสาหกิจ ที่เหลือ เห็นชอบให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) ออกจากแผนการแก้ไขปัญหาองค์กร หรือ แผนฟื้นฟู เนื่องจากตลอด 3 ปีที่ผ่านมา แก้ปัญหาองค์กรดีขึ้นต่อเนื่อง จนทำให้ผลการดำเนินงานดีขึ้น จากหนี้ NPL ร้อยละ 40 ลดเหลือร้อยละ 16.8  ปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ถึง 98,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นรายย่อยไม่เกิน 15 ล้านบาท เฉลี่ย 3.2 ล้านบาทต่อราย สัดส่วนกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง BIS ร้อยละ 11.7 สูงกว่ามาตรฐาน ธปท. และยังได้รับการจัดอันดับเครดิตเรตตี้ง AAA เหมือนกับ ธ.ก.ส. ,ธอส. เมื่อมีผลประกอบการดีขึ้น

 

 

ส่วนแผนฟื้นฟูรัฐวิสาหกิจ 6 แห่งที่เหลือนับว่าผลประเมินอยู่ในระดับที่ดี และระดับพอใจ แต่ต้องติดตามเพิ่มเติม คนร. จึงสั่งการให้กระทรวงการคลัง เสนอแก้ไขกฎหมายธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ต่อสภา สนช.เพียงวาระเดียวในเดือนกุมภาพันธ์นี้ เพื่อแก้ไขข้อกำกัดการถือหุ้นของกระทรวงคลังไม่เกินร้อยละ 49  จากนั้นกระทรวงการคลังจะได้เพิ่มทุนใช้เงินไม่ต่ำกว่า 18,000 ล้านบาท เพื่อให้ลดความเสี่ยงจากขาดทุนสะสม 18,000 ล้านบาท   หวังสร้างความเชื่อมั่นให้กับพันธมิตรใหม่ ซึ่งต้องเจรจาหาข้อสรุปให้ได้เร็วๆนี้ 

 

ด้านบ.ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT คนร. สั่งให้รัฐวิสหกิจทั้งสองแห่งจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาองค์กรระยะ 10 ปีให้ชัดเจน ในการนำนโยบายดิจิทัลมาใช้เพื่อกำหนดทิศทางการให้บริการลดปัญหาการลงทุนและภาระกิจซ้ำซ้อน  เมื่อได้ร่วมกันตั้งบริษัทลูกทั้งบริษัทโครงข่ายบรอดแบนด์แห่งชาติ จำกัด (NBN) และบริษัท โครงข่ายระหว่างประเทศและศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต จำกัด (NGDC)  ในการวางระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตและเคเบิ้ลใยแก้วใต้นำ้  และมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมกำกับให้ทั้งสองบริษัทดำเนินการถ่ายโอนทรัพย์สินที่จำเป็นต้องใช้ในการประกอบกิจการไปยังบริษัท NBN และบริษัท NGDC ให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดภายในเดือนมีนาคม 2561 

 

ขณะที่ขสมก.รับทราบแผนจัดซื้อรถโดยสาร NGV แล้ว 489 คัน และจัดทำแผนขับเคลื่อนองค์กรในระยะยาวแล้ว โดย คนร. สั่งการให้ ขสมก. พิจารณากำหนดทิศทางการให้บริการของ ขสมก. ที่ชัดเจนสอดคล้องกับแผนปฏิรูปเส้นทางที่กรมการขนส่งทางบกได้เริ่มดำเนินการแล้ว และเชื่อมโยงกับระบบขนส่งมวลชนประเภทอื่น และขอให้ ขสมก. พิจารณาเปิดเผยข้อมูลที่ได้รับจากระบบตรวจสอบและติดตามการเดินรถ (GPS) และ/หรือระบบขนส่งมวลชนอื่นเพื่อให้เป็นข้อมูลที่บุคคลทั่วไปสามารถใช้ในการพัฒนาแอพพลิเคชั่น เพื่อประโยชน์ในการรับบริการของประชาชนได้ (Open Data) หวังบริการประชาชนในการขึ้นรถเมล์ดูว่ารถเมล์เดินทางถึงไหนแล้ว   นอกจากนี้  คนร. ได้สั่งการให้กรมการขนส่งทางบกกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประมูลผู้ประกอบการเดินรถเส้นทางใหม่ และกำหนดประเภทรถที่เหมาะสมโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสาร

 

ด้านรฟท.รายงานที่ประชุมเกี่ยวกับการลงนามสัญญาการก่อสร้างทางคู่  5 เส้นทางแล้ว คาดว่าจะก่อสร้างงานโยธาแล้วเสร็จในปี 2563                              และอยู่ระหว่างดำเนินการจัดตั้งบริษัทลูกเพื่อเดินรถและซ่อมบำรุง ในโครงการรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) และบริษัทลูกเพื่อบริหารสินทรัพย์ของ รฟท.         

ทั้งนี้ ในการจัดทำแผนการขับเคลื่อนองค์กรในระยะยาว คนร. ได้สั่งการให้

กำหนดทิศทางการดำเนินการ ให้สอดคล้องกับภารกิจขององค์กรและภารกิจของกรมการขนส่งทางราง  และนำที่ดินจำนวนมากกำหนดแผนบริหารจัดการเพื่อสร้างรายได้นำมาชดเชยภาระขาดทุนของ รฟท.