"จิรายุ" อ้าง 4 ปีแห่งความสูญเปล่าปชช.เริ่มตาสว่าง ฉะคสช.ทำไทยดัชนีคอรัปชั่นดิ่งกระทบภาพลักษณ์ประเทศ

31 ม.ค.61  นายจิรายุ   ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง  กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ติดตามกรณีนาฬิกาเพื่อน ของพล.อ.ประวิตร  วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่า ป.ป.ช.ควรแถลงความคืบหน้าเรื่องนี้รายสัปดาห์ หรืออย่างน้อย ราย 3 วัน เพื่อให้สังคมเห็นว่า วันนี้หน่วยงานแห่งนี้ที่ใช้เงินภาษีประชาชนมีความเที่ยงตรงและยุติธรรม 

 

"วันนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ออกมาบอกว่า ขอเวลาอีกสักพัก  ขอเวลาอีกไม่นานที่เร่งแก้ไขการปฏิรูปนั้น ประชาชนยิ่งอยากรู้ว่า การปฏิรูปเรื่องการทุจริตคอรัปชั่นจะ 4 ปีเต็มเป็นอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะกรณีที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลและคสช. ซึ่งประชาชนมีคำถามว่า มาตรา 44 ที่ใช้สั่งย้ายข้าราชการและนักการเมืองท้องถิ่นไม่อาจใช้ได้กับคนที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลและคสช. ใช่หรือไม่" รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว 

 

นายจิรายุ กล่าวว่า ประชาชนเริ่มตาสว่างว่า 4 ปีมานี้ เป็น 4 ปีแห่งความสูญเปล่า และประชาชนผู้เสียภาษีมีคำถาม ดังนี้ 

1.จากการที่ประธาน ป.ป.ช. ลาออกในการตรวจสอบเรื่องนี้หมายความว่า ยอมรับว่า มีความสัมพันธ์กับพล.อ.ประวิตรจริงใช่หรือไม่ 

2.การติดตามเรื่องเจ้าของนาฬิกา 25 เรือน 4 คนนั้น ตกลงแล้วใครๆเป็นคนซื้อใครเป็นเจ้าของ 

3.กรณีนี้ป.ป.ช. ต้องออกมาอธิบายว่า กรณีนี้เข้าข่ายมาตรา 103 เรื่องรับผลประโยชน์หรือไม่อย่างไรเพื่อจะได้เป็นบรรทัดฐานให้กับทุกๆคนในสังคมไทยต่อไป 

4.การต่ออายุคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยไม่มีการเซ็ตซีโร่จะตอบสังคมอย่างไรทั้งๆที่อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ 

“คงต้องจับตามอง รัฐบาล คสช. จากผลงานความโปร่งใส ที่อ้างตอนเข้ายึดอำนาจ  เรื่องการประกาศดัชนี ชี้วัดด้านการคอรัปชั่นโลก(cpi.) ที่จะประกาศในเดือนหน้านี้ว่า ประเทศไทยจะตกลงไปอยู่อันดับใด เพราะผลสำรวจเมื่อปี 2559  ประเทศไทยก็โดนตราหน้าว่า เป็นประเทศที่มีคอรัปชั่นสูงจากอันดับดีที่ 76 ตกมาอยู่ที่อันดับ 101 ซึ่งจะมีผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศ และการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติอย่างแน่นอน” นายจิรายุ กล่าว