- 28 ก.ย. 2561
ปส.แถลงรวบยา กลุ่มม้ง มูลค่ารวมยาและทรัพย์สินกว่า 755 ล้านบาท
พลตำรวจโทสมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พร้อมชุดสืบสวน แถลงผลจับกุม คดียาเสพติดสำคัญ 3 คดี มีผู้ต้องหา 6 คน พร้อมยึดของกลางเป็นยาบ้า กว่า 3.5 ล้านเม็ด กัญชา 161 กิโลกรัม ไอซ์ 5 กิโลกรัม เคตามีน 10 กรัม พร้อมมูลค่าทรัพย์สินรวมยาเสพติดทั้งหมดกว่า 755 ล้านบาท
โดยคดีแรกตำรวจกองบังคับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด ปส. จับกุม นายทนงชัย แซ่รี อายุ 25 ปี และนายสมชาย แซ่ย่าง อายุ 26 ทั้ง2 เป็นชาวจ.น่าน ได้ที่บริเวณริมถนนสายเอเชีย ต.บ้านหม้อ อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี พร้อมยาบ้า จำนวน 24 กระสอบ รวมเป็นจำนวน 3 ล้าน6แสนเม็ด ยาไอซ์ 5 กิโลกรัม
หลังตำรวจรับแจ้งจากสายลับว่ามีชาวม้ง จ.น่านจะลักลอบนำยาเสพติดจากภาคเหนือใส่รถกระบะ เพื่อนำไปส่งยังพื้นที่ในจ.พระนครศรีอยุธยา จึงตั้งด่านตรวจสอบ พบรถกระบะต้องสงสัยจอดก่อนถึงด่าน จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้นพบของกลางทั้งหมด
สอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง2 รับสารภาพว่ารับว่าจ้างจากนายทุนจากภาคเหนือ ก่อนสั่งให้นำไปส่งให้ลูกค้่าในภาคกลาง ด้วยเงินค่าจ้าง 3 แสนบาท อยู่ระหว่างขยายผลติดตามนายจ้าง
นอกจากนี้ตำรวจปส.4 ร่วมกับทหาร จับกุม นายสมพร หรือนุ่น อุ่นสกุล อายุ 31 ปี พร้อมพวก รวม 3 คน พร้อมยาบ้า กว่า 84,000 เม็ด ยาไอซ์ 108 กรัม ยาเค น้ำหนัก 10.7 กรัม ๆ อาวุธปืน 4 กระบอก และปืนอีก 95 นัด หลังสืบทราบว่านายสมพร พร้อมพวกค้ายาเสพติดในพื้นที่ จ.ปทุมธานี และใกล้เคียง พร้อมนัดส่งมอบยาเสพติดกันบริเวณถนนรังสิต-นครนายก อ.ธัญญบุรี ก่อนจะตรวจสอบพบถุงพลาสติกสีดำ ภายในมียาบ้าถูกวางทิ้งไว้ จึงยึดตรวจสอบและขยายผลจนจับกุมนายสมพนและพวกได้ที่ลานจอดรถภายในปั๊มน้ำมัน ใน.อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
.
ทั้งหมดให้การรับสารภาพว่ารับว่าจ้างจากนายตู่ ให้นำยาไปส่งในพื้นที่ต่าง ซึ่งขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามตัวนายตู่ ขณะที่อีกคดี ตำรวจและทหารร่วมจับกุมนายปิติพงษ์ เพราพริ้ง อายุ 67 ปี พร้อมกัญชาน้ำหนัก 161 กิโลกรัม ได้ที่บริเวณริมถนน4แยก บ้านห้วยเสียด อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี โดยตำรวจพบรถบรรทุกต้องสงสัย โดยในส่วนบรรทุกเป็นตู้ทึบ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนจอดอยู่ริมถนน จึงเข้าตรวจสอบ พบนายปิติพงษ์มีพิรุธ ก่อนตรวจค้นพบกัญชาซุกซ่อนอยู่ในตู้ทึบ
ขณะที่ผู้ต้องหารับว่ากัญชาทั้งหมดเป็นตนเอง ก่อนแจ้งข้อหาและนำส่งพนักกงานสอบสวนดำเนินคดี พลตำรวจโทสมหมาย กล่าวว่า ภูมิใจในการทำหน้าที่ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ถือได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ สิ่งสำคัญคือได้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ดีร่วมกันปฎิบัติงาน ไม่ได้ยึดแนวทางการปราบปราม และบำบัดเพียงอย่างเดียว แต่ยังตัดวงจรการเงินซึ่งถือเป็นต้นทางของเครือข่ายยาเสพติด โดยปฎิบัติการชัยยะสยบไพรี สามารถตัดวงจรเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่จำนวน 13 คดี จับกุมผู้ต้องหา 463 ราย ตรวจยึดทรัพย์สินได้ 1,472 รายการ รวมมูลค่ายาเสพติดและทรัพย์สิน 2หมื่น7 พันล้านบาท
โดยจะเห็นว่าจะมีการจับยาเสพติดได้จำนวนมากขึ้นในแต่ละครั้ง ที่อาจทำให้หลายคนมองว่ามีการนำยาเสพติดกลับมาวนซ้ำ ในเรื่องนี้ยืนยันว่ายาเสพติดที่จับได้ในแต่ละคดี จะต้องส่งไปยังคลังยาเสพติด องค์การอาหารและยา (อย.) ภายใน 1 สัปดาห์ และเมื่อศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วก็จะนำไปเผาทำลาย ไม่มีใครสามารถเอาออกมาได้ เช่นเดียวกับการที่องค์การเภสัชกรรม จะขอกัญญาไปวิจัยเพื่อรักษาทางการแพทย์ยังต้องให้คณะกรรมการตรวจสอบ และส่งมอบอย่างเข้มงวด
พลตำรวจโทสมหมาย ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า กัญชารักษามะเร็ง ขอให้คนไทยยอมรับได้แล้ว เพราะอยากให้ได้รับการรักษาที่ดี ไม่ใช่ให้ต่างประเทศนำสมุนไพรของไทยนำไปวิจัยและใช้ในการรักษา ขณะที่คนไทยนำไปเผาทิ้งโดยไม่เกิดประโยชน์