นายกฯรัสเซีย เตือน อาจเกิด "สงครามเย็นครั้งใหม่" หลังความตึงเครียดกับนาโตและชาติตะวันตกเพิ่มสูงขึ้น

 

     วันนี้(13ก.พ.) นายกรัฐมนตรีดมีตรี เมดเวเดฟ ของรัสเซียกล่าวระหว่างเข้าร่วมการประชุมความมั่นคงมิวนิกว่าความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตกอาจผลักดันจนก่อให้เกิด "สงครามเย็นครั้งใหม่"

 

     สำหรับถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นสืบเนื่องมาจากนโยบายที่ "ไม่เป็นมิตร" ของทางองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ(นาโต)  ที่มีต่อวิกฤตความขัดแย้งในยูเครนที่เพิ่มสูงขึ้นตลอดไปจนถึงการที่รัสเซียให้การสนับสนุนรัฐบาลซีเรีย ซึ่งทางเมดเวเดฟกล่าวว่า

 

   "เราก็บอกเอาไว้ให้ชัดเจนเลยว่า,พวกเราอาจเข้าสู่ช่วงสงครามเย็นครั้งใหญ่ หลังเกือบทุกวันที่ผ่านมารัสเซียถูกกล่าวหาต่างๆนาๆทั้งจากทางนาโต,ยูโรป,สหรัฐและชาติอื่นๆ"

   เมดเวเดฟได้กล่าวเหมือนเช่นที่ประธานาธิบดีวลาดีมีย์ ปูตินเคยพูดไว้ในที่ประชุมความมั่นคงมิวนิกเมื่อปี 2007 ว่าการที่ชาติตะวันตกสร้างระบบป้องกันขีปนาวุธขึ้นในยุโรปนั้นเป็นการเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดสงครามเย็นขึ้นอีกครั้ง,และในวันนี้ภาพดังกล่าวก็ยิ่งทวีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น

    นอกจากนี้ยังได้วิพากษ์วิจารณ์นาโตและสหภาพยุโรปที่เข้ามามีอิทธิพลในพื้นที่ภาคตะวันออกที่อดีตสหภาพโซเวียตเคยปกครองนับตั้งแต่สิ้นสุดช่วงสงครามเย็น

 

   "นโยบายของนาโตที่มีต่อรัสเซียนั้นยังคงแข็งกร้าวและไม่เป็นมิตร...บางครั้งผมก็สงสัยว่าเราอยู่ในปี 2016 หรือ ปี 1962 กันแน่"

 

   ทั้งนี้คอมเมนท์ของเมดเวเดฟมีขึ้นหลังก่อนหน้านี้ 3 วันทางเจนส์ สโตลเตนเบิร์ก  เลขาธิการองค์การนาโตกล่าวว่าจะส่งกองกำลังเข้าไปเพิ่มในทะเลดำรอบไครเมีย ที่แต่เดิมเป็นสาธารณรัฐปกครองตนเองของยูเครนก่อนผนวกเข้ากับรัสเซียเมื่อปี 2014 ซึ่งครั้งนั้นรัสเซียถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังให้เกิดการแบ่งแยกดินแดนเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคตะวันออกของยูเครน

 

 

ข้อมูล