- 06 มี.ค. 2559
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tnews.co.th
ติดตามประเด็นเกี่ยวกับข้อร้องเรียนของกลุ่มอดีตพนักงานการบินไทยที่เห็นว่าการทำหน้าที่ของอดีตผู้บริหารบมจ.การบินไทยไม่เหมาะสมเพียงพอต่อการพิทักษ์ผลประโยชน์ขององค์กรและส่อให้เห็นเจตนาเคลือบแฝงในเชิงผลประโยชน์ทับซ้อนต่อการสนับสนุนให้สายการบินนกสกู๊ตเกิดขึ้น
ทั้งนี้ประเด็นที่อยู่ในสำนวนร้องเรียนต่อปปช.ก็คือข้อบ่งชี้ซึ่งอดีตพนักงานการบินไทยกลุ่มนี้เห็นว่าอดีตผู้บริหารบมจ.การบินไทยไม่ได้ใช้สิทธิในฐานะตัวแทนบมจ.การบินไทยระงับยับยั้งการลงทุนของบมจ.นกแอร์ ทั้งๆที่รู้ว่าจะกระทบต่อธุรกิจการบินของบมจ.การบินไทย ซึ่งถือหุ้นนกแอร์ในสัดส่วน 39.2%
ไม่เท่านั้นกับชุดข้อมูลการร้องเรียนดังกล่าวยังตั้งข้อสังเกต โดยยกตัวบุคคลอย่าง นายโชคชัย ปัญญายงค์ อดีตรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส สายการพาณิชย์ และรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทย ว่า เป็นบุคคลที่บมจ.นกแอร์ให้การสนับสนุนในระดับผิดปกติ หรือไม่ อย่างไร เนื่องจากมีการอ้างอิงว่าภายหลังจากนายโชคชัยเกษียณอายุการทำงานเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2557 ได้ไม่นาน ก็มีการพิจารณาแต่งตั้งให้นายโชคชัย ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลักดันสายการบินนกสกู๊ตให้เกิดขึ้น และมีสถานะเป็นกรรมการบริษัท บมจ.นกแอร์ ดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการ บริษัทสายการบินนกสกู๊ต
ขณะที่จากการตรวจสอบเพิ่มเติมของสนข.ทีนิวส์ กับรายงานประจำปี 2557 ของบมจ.นกแอร์ พบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์ทำงานของนายโชคชัยตั้งแต่ช่วงปี 2556 - 2557 ดังนี้
2556 – 2557 กรรมการบริษัท ไทยสมายล์ แอร์เวย์ จำกัด
2556-2557 รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส สายการพาณิชย์ และรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทย
2556-2557 ประธานกรรมการ บริษัทครัวการบินภูเก็ต จำกัด
2557-ปัจจุบัน (2557) กรรมการ บริษัทครัวการบินภูเก็ต
2557-ปัจจุบัน(2557) ประธานกรรมการ บริษัทสายการบินนกสกู๊ต จำกัด
2553-ปัจจุบัน(2557) กรรมการ บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด
นอกจากนี้ยังพบด้วยว่าเมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2557 บมจ.นกแอร์ ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ ว่านายธีรพล โชติชนาภิบาล และ นายโชคชัย ปัญญายงค์ ได้ขอลาออกจากตำแหน่งกรรมการ บมจ.นกแอร์ แต่ในหนังสือฉบับดังกล่าวไม่ได้มีการชี้แจงเหตุผลใด ๆ
จนเมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2557 บมจ.นกแอร์ ได้แจ้งการตั้งรายชื่อกรรมการบริษัท ใหม่ต่อตลาดหลักทรัพย์ ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 9/2557 เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2557 และชื่อของนายโชคชัยก็ได้รับเข้ารับตำแหน่งกรรมการบริษัทอีกครั้ง โดยกำหนดให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2557
จากข้อมูลที่ปรากฏก็เป็นกรณีที่ต้องรับฟังอย่างรอบด้าน ว่าสถานะของนายโชคชัย ปัญญายงค์ กับบมจ.นกแอร์ เป็นไปตามสิ่งที่ปรากฎอยู่ในคำร้องของกลุ่มอดีตพนักงานการบินไทยต่อปปช. หรือไม่ อย่างไร เพียงแต่เงื่อนเวลาของการลาออกและการอนุมัติให้เข้ารับตำแหน่งกรรมการบมจ.นกแอร์อีกครั้ง ก่อนจะครบอายุเกษียณการทำงาน ดูเหมือนว่าจะใกล้เคียงกับข้อสังเกตุบางประการของอดีตพนักงานการบินไทยอยู่ไม่น้อย
ขณะที่ข้อมูลของบริษัทสายการบินนกสกู๊ต จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า มีที่ตั้งอยู่ที่ 999/9 อาคารดิฟิศเศส แอท เซ็นทรัล เวิลด์ ชั้นที่ 26 ถนนพระราม 1 ปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร และแจ้งวัตถุประสงค์ดำเนินธุรกิจว่า ดำเนินการขนส่งผู้โดยสาร , ขนส่งสินค้า และไปรษณียภัณฑ์ทางอากาศ
ทางด้านรายชื่อคณะกรรมการบริษัท ประกอบด้วย
1. นายอึง ชิน วี
2. นางสาวเชีย ซก หัว
3.นายแคมเบล เดวิด แมคเกรเกอร์ วิลสัน
4.นายโชคชัย ปัญญายงค์
5.นายพาที สารสิน
6.นายยอดชาย สุทธิธนกูล
7.นายลักษณะน้อย พึ่งรัศมี
ส่วนคณะกรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อผูกพัน ประกอบด้วย
1.นายอึง ชิน วี หรือ นางสาวเชีย ซก หัว หรือ นายแคมเบล เดวิด แมคเกรเกอร์ วิลสัน โดยกรรมการ 1 ใน 3 คนนี้ร่วมกับ
2.นายพาที สารสิน
3.นายโชคชัย ปัญญายงค์ ต้องลงรายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท
ขณะเดียวกันถ้าย้อนกลับไปพิจารณาคำร้องต่อปปช. ในประเด็นเกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจการบินของบมจ.นกแอร์ และบริษัทสายการบินนกสกู๊ต พบว่ามีบางประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกับการถือหุ้นในบริษัทสายการบินใหม่จากการร่วมทุนระหว่างบมจ.นกแอร์ และ Scoot Pte. Ltd ( สกู๊ต พีทีอี. แอลทีดี) ที่น่าสนใจเพิ่มเติมดังนี้
1.บนฐานความเชื่อว่าการประกอบกิจการบริษัทสายการบินนกสกู๊ต จะเป็นการแข่งขันและขัดกับผลประโยชน์ของบมจ.การบินไทยอย่างชัดแจ้ง มีเหตุผลเนื่องจากสายการบินนกสกู๊ตเป็นธุรกิจการบินที่เกิดขึ้นจากการร่วมทุนระหว่างบมจ.นกแอร์ และสกู๊ต พีทีอี. แอลทีดี ซึ่งเป็นบริษัทลูกของสิงคโปร์ แอร์ไลน์ ดังนั้นการทำให้สายการบินนกสกู๊ตมีสถานภาพเป็นสายการบินสัญชาติไทย จึงเท่ากับว่าเป็นการสนับสนุนให้สายการบินนกสกู๊ตใช้สิทธิการบินได้ในทุกเส้นทางเช่นเดียวกับสายการบินสัญชาติไทยรายอื่น ๆ ตามทิศทางธุรกิจและเป้าหมายที่บริษัทการบินของสิงคโปร์เคยพยายามมาแล้วตั้งแต่ปี 2553 ในการร่วมทุนจัดตั้งสายการบินไทเกอร์แอร์ไลน์ กับบริษัทบมจ.การบินไทย เพียงแต่ดีลธุรกิจดังกล่าวไม่ประสบผลสำเร็จ
2.การเปิดทางให้สายการบินนกสกู๊ตกลายเป็นสายการบินสัญชาติไทย ถืออาจเสมือนเป็นการเปิดโอกาสให้สิงคโปร์แอร์ไลน์ ซึ่ งถือหุ้นอยู่ในสายการบินนกสกู๊ต สามารถที่จะมี Dual Hub หรือ ศูนย์กลางการบินทั้งที่สิงคโปร์และกรุงเทพฯ ในขณะที่บมจ.การบินไทย ไม่มี Hub หรือ ศูนย์กลางการบินที่สิงคโปร์ ซึ่งในเชิงธุรกิจถือว่าเป็นการทำให้บมจ.การบินไทยเสียประโยชน์ เพราะสิงคโปร์ แอร์ไลน์ เป็นคู่แข่งรายสำคัญของการบินไทยในธุรกิจการบิน และในอนาคตต่อไปหากทางสิงคโปร์ แอร์ไลน์ ซื้อหุ้นจากสายการบินนกสกู๊ต จากผู้ถือหุ้นรายอื่นเป็นเป็นหุ้นของสิงคโปร์ แอร์ไลน์ ทั้งหมด โดยใช้ตัวแทนนอมินีที่เป็นคนไทย ก็จะทำให้อำนาจการบริหารจัดการสายการบินนกสกู๊ตตกอยู่ภายใต้การบริหารจัดการโดยสิงคโปร์ แอร์ไลน์ ทั้งหมด
ที่สำคัญในอนาคตสายการบินนกสกู๊ต ยังสามารถปรับรูปแบบจากสายการบินต้นทุนต่ำหรือราคาประหยัดมาเป็นสายการบินที่มีบริการเต็มรูปแบบ (Full Service) เช่นเดียวกับการบินไทย ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะทำให้การประกอบธุรกิจสายการบินนกสกู๊ต กลายเป็นคู่แข่งขันที่มีแนวทางขัดกับผลประโยชน์ของบมจ.การบินไทยโดยสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
จะด้วยความรู้สึกหวงแหนในองค์กรธุรกิจการบินไทย หรือ เจตนาที่ต้องการปกป้องผลประโยชน์ธุรกิจการบินที่เป็นของคนไทยก็ตาม ต้องถือว่านี่เป็นสิ่งที่สมควรแก่การพิจารณาและเฝ้าติดตามการทำงานของปปช.ต่อไปว่าจะมีบทสรุปในประเด็นคำร้องอย่างไร
ขณะเดียวกันวันนี้ ( 4 มี.ค.) ทางด้าน นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. สายการบินนกแอร์ ได้ ส่งจดหมายแจ้งสื่อมวลชนว่า ขณะนี้สายการบินนกแอร์ สามารถจัดหานักบินเพิ่มเติมได้แล้ว และได้เปลี่ยนแปลงระบบการจัดสรรตารางการบินของนักบินให้ดีขึ้น ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกเที่ยวบินบางส่วนเมื่อวันที่ 14 ก.พ. ที่ผ่านมา ทางสายการบินได้มีแนวทางแก้ไขในระยะยาวโดยกำหนดให้มีเจ้าหน้าที่ติดต่อแจ้งผู้โดยสารล่วงหน้าก่อนการเดินทาง เพื่อให้รายละเอียดการเปลี่ยนแปลงเที่ยวบิน หรือรายละเอียดการชดเชยแก่ผู้โดยสาร ซึ่งถือเป็นปฏิบัติภายใต้ระเบียบข้อบังคับของกรมการบินพลเรือน พร้อมให้ความมั่นใจว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก และจะทำให้สายการบินนกแอร์เป็นสายการบินของคนไทยอย่างแท้จริง โดยภายหลังจากวันที่ 10 มี.ค. สายการบินนกแอร์จะไม่รบกวนความช่วยเหลือจากสายการบินพันธมิตรในการทำเที่ยวบินเช่าเหมาลำหรือชาร์เตอร์ไฟลท์อีกต่อไป






