เจาะคดีสะเทือนสังคม!! ธุรกิจน้ำพริกเงินล้าน "ตราแม่ประนอม" หลังถูกลูกสาวแท้ๆ ฮุบกิจการ!!!

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tnews.co.th

 


กำลังเป็นที่ฮือฮาอยู่ในขณะนี้กับกรณีข่าวของ นางประนอม แดงสุภา ผู้ก่อตั้งธุรกิจน้ำพริกเผาตรา "แม่ประนอม" ที่ออกมาร้องขอความเป็นธรรมกับท่านนายกรัฐมนตรี หลังถูกลูกสาวแท้ ๆ ร่วมมือกับลูกเขย ปลอมแปลงเอกสารของสามีผู้ล่วงลับ เพื่อโอนทรัพย์สินทั้งหมด และกิจการน้ำพริกแม่ประนอมเป็นของตัวเอง

 

 

 

 

 


วันที่ 25 มี.ค.59 นางประนอม แดงสุภา ผู้ก่อตั้งธุรกิจน้ำพริกเผาแม่ประนอมในนามบริษัท พิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนและขอความเป็นธรรมเนื่องจากถูกบุตรสาวคนโตฮุบกิจการ หลังจากให้ดูแลและบริหารกิจการงานต่างๆ แทนครอบครัวคนเดียว


ทั้งนี้นางประนอม กล่าวว่า เมื่อปี58 บุตรสาวคนโต ได้ฮุบกิจการหลังจากครอบครัวได้ไว้วางใจให้ดูแลกิจการของบริษัททุกอย่าง และมีการปลอมหนังสือมอบอำนาจจากนายศิริชัย แดงสุภา สามีซึ่งถึงแก่กรรม เมื่อปี 56 และได้โอนที่ดินกองมรดก ให้ตกเป็นของตนเอง ก่อนจะทราบในภายหลังว่า บุตรสาวคนโตและบุตรเขย ได้ฮุบกิจการน้ำพริกเผาแม่ประนอมไปเป็นของตัวเองแล้ว


นอกจากนี้บุตรสาวคนโตและบุตรเขย ได้เปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทใหม่ทั้งหมด โดยตัดชื่อนายศิริชัยรวมทั้งตนเอง และบุตรคนอื่นๆออกจากรายชื่อผู้ถือหุ้นทั้งหมด แล้วใส่ชื่อตัวเองและบุตรเขยเข้าไปแทน และได้ขับไล่ตนออกจากบ้าน อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาได้ฟ้องร้องต่อศาล ให้ดำเนินคดี และให้บุคคลทั้ง 2 คืนทรัพย์สินกลับคืนมา แต่กลับถูกบุคคลทั้ง 2 ใช้เงินและร่วมมือกับบุคคลเข้ามาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมทำให้ไม่เป็นผล


นางประนอม กล่าวต่อว่า "เรื่องของดิฉันเป็นเรื่องภายในครอบครัว แต่ถ้าปล่อยให้บุตรสาวและบุตรเขยของดิฉันใช้ช่องว่างของกฎหมายฮุบกิจการและทรัพย์สินของครอบครัวไปเป็นของตนเองโดยง่าย จะกลายเป็นบรรทัดฐานที่ไม่ส่งผลดีในด้านจริยธรรมและศีลธรรมของสังคมอย่างยิ่ง จึงใคร่ขอความกรุณาจากท่านคืนความเป็นธรรมให้กับดิฉันและครอบครัวต่อไป"


ทั้งนี้ หนังสือร้องขอความเป็นธรรมของนางประนอม ระบุว่า ได้ร่วมกับนายศิริชัย แดงสุภา สามี ก่อตั้งธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงได้แก่ น้ำพริกสำเร็จรูป น้ำจิ้ม น้ำพริกแกง น้ำพริกเผาและเครื่องปรุงสำเร็จ ภายใต้เครื่องหมายการค้า "แม่ประนอม" หรือที่เรียกติดปากของประชาชนทั่วไปในนาม "น้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม" โดยร่วมกันเป็นผู้ก่อตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัด อุตสาหกรรมพิบูลย์ชัย มีสำนักงานและโรงงานตั้งอยู่ เลขที่ 113/1-2 หมู่บ้านเศรษฐกิจ เขตหนองแขม กทม. โดยเริ่มจากผลิตน้ำพริกเผาบรรจุขวด ภายใต้เครื่องหมายการค้า "แม่ประนอม"


ต่อมาปี 2524 ได้จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัด ในนามบริษัทพิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด และปี 2537 ได้สร้างโรงงานขึ้นใหม่เพื่อขยายกำลังการผลิต และได้ย้ายสำนักงานและโรงงานมา ณ เลขที่ 68/10 หมู่ 12 ถนนบรมราชชนนี แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. ดำเนินธุรกิจมาจนถึงปัจจุบัน


"ปี 2544 บริษัทพิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด ได้เพิ่มทุนเป็น 59 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นจำนวน 59,000 หุ้น มีนายศิริชัยถือหุ้น 20,000 หุ้น นางประนอม 18,200 หุ้น นางศิริพร 20,000 หุ้น และ น.ส.ศิริวัลย์ แดงสุภา น้องสาวนางศิริพร 350 หุ้น" หนังสือร้องเรียนระบุ และว่า เพราะความที่นางศิริพรเป็นบุตรสาวคนโต ประกอบกับนางประนอมและนายศิริชัย รักและไว้วางใจ จึงมอบหมายให้นางศิริพรเป็นกรรมการของบริษัท และบริหารงานต่างๆ แทนครอบครัวคนเดียวตลอดมา


ต่อมาเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2556 นายศิริชัยเสียชีวิต และศาลได้แต่งตั้งนางประนอม เป็นผู้จัดการมรดกของนายศิริชัย ต่อมาปี 2558 นางประนอมทราบว่านางศิริพรได้ปลอมหนังสือมอบอำนาจจากนางประนอมไปโอนที่ดินกองมรดกเป็นของตัวเอง นางประนอมจึงขอให้นางศิริพรโอนที่ดินคืน แต่นางศิริพรเพิกเฉย ต่อมานางประนอมทราบว่านางศิริพร และนายสุชาติ ภาษาประเทศ สามี ได้ฮุบกิจการน้ำพริกเผาแม่ประนอม ไปเป็นของตนเอง โดยนางศิริพรในฐานะกรรมการได้เปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทใหม่ทั้งหมด โดยตัดนายศิริชัย นางประนอม และบุตรคนอื่นๆ ออกจากรายชื่อผู้ถือหุ้นแล้วใส่ชื่อของนางศิริพร นายสุชาติ และบุตรสาวของบุคคลทั้งสองเป็นผู้ถือหุ้นแทน


หนังสือระบุอีกว่า ต่อมาบุคคลทั้งสองได้ขับไล่นางประนอมออกจากบ้าน นางประนอมจึงออกมาทำร้านอาหาร PS Restaurant อาหารไทยตำรับแม่ประนอม ร่วมกับ น.ส.ศิริวัลย์ และที่ผ่านมานางประนอมได้ฟ้องคดีกับนางศิริพร และนายสุชาติ ต่อศาลเพื่อเรียกคืนทรัพย์ดังกล่าว แต่เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม


ขณะที่ทางด้านม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นางประนอม แดงสุภา ผู้ก่อตั้งธุรกิจน้ำพริกเผาแม่ประนอม ร้องเรียนศูนย์บริการประชาชน ว่าถูกลูกสาวฮุบกิจการ ว่า ศูนย์บริการประชาชนมีเป้าหมายในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชนทั้งประเทศ เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมกรณีประชาชนได้รับความเดือดร้อน


ดังนั้นคนที่มาร้องเรียน จึงไม่ใช่เพียงแต่ประชาชนที่มีปัญหากับเจ้าหน้าที่รัฐเท่านั้น แม้ปัญหาจะเป็นเรื่องของประชาชนต่อประชาชนด้วยกันเอง เราก็พร้อมให้การช่วยเหลือ เช่นกรณีของนางประนอม ที่เป็นเรื่องในครอบครัว และไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง เมื่อเขาเดือดร้อนมาร้องเรียนแสดงว่าเขาไว้วางใจ เราก็พร้อมให้การช่วยเหลือ โดยประสานให้ได้เจอกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่จะดูแลเรื่องกรณีเช่นนี้โดยตรง


นางประนอม แดงสุภา ผู้ก่อตั้งธุรกิจน้ำพริกเผาแม่ประนอม แถลงข่าวเปิดใจกรณีถูกลูกสาวคนโต กับลูกเขย ฮุบกิจการน้ำพริกเผาแม่ประนอมไป


นางประนอม แดงสุภา จัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ที่ร้านพีเอส เรสเตอร์รอง หลังยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวานที่ผ่านมา ว่าถูกหลอกให้เซ็นเอกสาร ส่งผลให้ตัวเองไม่มีอำนาจใดๆ ในบริษัท โดย นางประนอม ระบุพร้อมน้ำตาว่า หลัง นายศิริชัย แดงสุภา สามีเสียชีวิต ก็ได้แต่งตั้งให้ตัวเองเป็นผู้จัดการมรดกทั้งหมด และยอมรับว่าตัวเองไม่ได้ถูกไล่ออกจากบ้านตามที่มีข่าวก่อนหน้านี้ แต่ออกจากบ้านเอง เนื่องจากรู้สึกกดดัน และอึดอัด กับพฤติกรรมของคนในบ้านมานานกว่า 1 ปี และอ้างว่าเมื่อปีก่อนบุตรสาวคนโตได้ปลอมหนังสือมอบอำนาจไปโอนที่ดินมรดกเป็นของตัวเอง และให้เซ็นเอกสารต่างๆ


โดยยอมรับว่า ไม่ได้อ่านรายละเอียด เนื่องจากตัวเองอ่านหนังสือไม่ค่อยออก และอยากให้ปัญหาภายในครอบครัวยุติลงจึงเซ็นเอกสาร แต่มาทราบภายหลังว่าเอกสารดังกล่าวระบุว่า ตัวเองไม่รับทรัพย์สิน หรือมรดกใดๆ จึงเข้ายื่นคำร้องถึงนายกรัฐมนตรี พร้อมยืนยันว่าสิ่งที่ตัวเองพูดไป คือความจริงทั้งหมด


นอกจากนี้ นางประนอม ยังระบุอีกว่า ได้ยื่นฟ้องบุตรสาวคนโต และพวก คดีปลอมแปลงเอกสาร เกี่ยวกับที่ดิน ต่อศาลจังหวัดนครปฐมแล้ว ซึ่งศาลเห็นว่ามีมูลรับฟ้องไว้แล้ว แต่ในฐานะแม่ก็พร้อมให้อภัยลูกเสมอ จะไม่ยื่นฟ้องคดีใดอีก หากลูกสำนึกผิด และโอนทรัพย์สินคืน


ด้าน น.ส.ศิริวัลย์ แดงสุภา บุตรสาวคนรองของ นางประนอม ระบุว่า หุ้นของ นางประนอม และตัวเอง ถูกเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นมาตั้งแต่ปี 2552 แล้ว แต่เพิ่งมาทราบเมื่อปี 2557 และได้มีการฟ้องร้องเรื่องจัดการมรดก ที่ศาลแขวงตลิ่งชัน ซึ่งทราบว่าศาลจะมีคำสั่งเร็วๆ นี้


 

 

 

ซึ่งถ้าหากย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของ น้ำพริกตรา "แม่ประนอม" ที่เชื่อว่า คนไทยหลายคนคงรู้จักกันเป็นอย่างดี จากรูปโลโก้ที่ไม่เหมือนใคร โดยใช้ใบหน้าของ ‘แม่ประนอม’ ผู้คิดค้นสูตรน้ำพริกเงินล้านระดับตำนานมาเป็นตราสัญลักษณ์ของสินค้า เพื่อสร้างความโดดเด่นมายาวนานกว่า 57 ปี


สำหรับ น้ำพริกตรา "แม่ประนอม" เกิดจากฝีมือการชอบทำอาหารของ แม่ประนอม บวกกับสามีคือ นายศิริชัย แดงสุภา ผู้มีความคิดกว้างไกล มองเห็นอนาคตว่า วันข้างหน้าคนเราจะมีเวลาในการทำอาหารน้อยลง เพราะมั่วแต่ยุ่งกับงานนอกบ้าน จึงคิดทำอาหารบรรจุถุงหรือขวด ที่สามารถเก็บไว้ได้นานและสะดวกเวลารับประทาน เลยเกิดเป็นน้ำพริกตรา "แม่ประนอม" ที่เรารู้จักกันทุกวันนี้ ภายใต้ชื่อ บริษัท พิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2502


หากย้อนกลับไปเมื่อ 40-50 ปี จะเห็นได้ว่า สมัยนั้นผู้ประกอบการต่างๆ มักนิยมใช้ใบหน้าของบุคคลมาเป็นสัญลักษณ์ เพื่อสร้างการจดจำ เนื่องจากความนิยมของผู้บริโภคจะเน้นการจดจำที่ตัวบุคคลหรือเจ้าของสินค้า ซึ่งแตกต่างจากยุคปัจจุบัน


ตลอดระยะเวลา 57 ปีที่ผ่านมา น้ำพริกตรา "แม่ประนอม" ยังคงพัฒนาคุณภาพทั้งรสชาติและรูปแบบบรรจุภัณฑ์ให้เข้ากับยุคสมัย พร้อมเดินหน้าขยายกิจการ เพื่อก้าวสู่การเป็นแบรนด์ระดับโลก


เมื่อปี 2558 นางศิริพร แดงสุภา ลูกสาวคนโต ได้ปลอมหนังสือมอบอำนาจจากตน ไปโอนที่ดินกองมรดกเป็นของตัวเอง ตนจึงขอให้ลูกสาวโอนที่ดินคืน แต่ลูกสาวเพิกเฉย ต่อมา ลูกสาวและลูกเขย นายสุชาติ ภาษาประเทศ ได้ฮุบกิจการ "น้ำพริกเผาแม่ประนอม" ไปเป็นของตัวเอง


ทั้งนี้ นางศิริพร ลูกสาวคนโต ในฐานะกรรมการ ได้ทำการเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทใหม่ทั้งหมด โดยตัดชื่อตนและสามีตน รวมถึงบุตรคนอื่นๆ ของตน ออกจากรายชื่อผู้ถือหุ้น แล้วใส่ชื่อของ นางศิริพร และนายสุชาติ และบุตรสาว ของบุคคลทั้งสองเป็นผู้ถือหุ้นแทน

 

 

ซึ่งถ้าหากว่าเราย้อนไปดูผลประกอบการของบริษัท พิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด ในปี 2554 -2557 จะพบว่ามีผลประกอบการเป็นจำนวนเงินมหาศาล


คณะกรรมการ :
 
1. นางศิริพร แดงสุภา
2. นางอุรชา พีชาสารานนท์
3. นางสาวธนาภรณ์ ภาษาประเทศ


งบประมาณปี 2554

สินทรัพย์รวม  187,996,955.63 บาท
รายได้รวม       510,658,187.48  บาท
กำไรสุทธิ       6,877,385.44 บาท


งบประมาณปี 2555

สินทรัพย์รวม   197,554,984.47บาท
รายได้รวม        675,241,706.95 บาท
กำไรสุทธิ         8,797,023.04 บาท


งบประมาณปี 2556

สินทรัพย์รวม    213,709,583.08 บาท
รายได้รวม        754,367,631.13 บาท
กำไรสุทธิ        16,316,136.78 บาท


งบประมาณปี 2557

สินทรัพย์รวม    222,137,070.62 บาท
รายได้รวม        803,342,689.18 บาท
กำไรสุทธิ        24,502,917.29 บาท