มหัศจรรย์ "สิงคโปร์ !! ต้นฉบับ "พหุสังคม" ความหลากหลายทางเชื้อชาติ.. ที่คนไทยไม่ควรมองข้าม !!

มหัศจรรย์ "สิงคโปร์ !! ต้นฉบับ "พหุสังคม" ความหลากหลายทางเชื้อชาติ.. ที่คนไทยไม่ควรมองข้าม !!

นี่คือ "ไชน่าทาวน์" ย่านชาวจีนที่ใหญ่สุดและเป็นย่านที่คักคักมากสุดในสิงคโปร์ เนื่องจากเต็มไปด้วยร้านค้า ของฝาก ร้านอาหาร และโรงแรมที่พัก 
 


ความเป็นมาของไชน่าทาวน์ เริ่มตั้งแต่สมัย Sir Stamford Raffles  (เซอร์ สแตมฟอร์ด ราฟเฟิลส์) เข้ามาบุกเบิกและปรับเกาะเล็กๆ ให้เป็นจุดพักเรือสินค้าปลอดภาษี   และได้แบ่งผังเมืองไว้สำหรับให้คนจากหลายเชื้อชาติเข้ามาตั้งรกรากตามสองฝั่งแม่น้ำสิงคโปร์ และได้จัดให้คนจีนรวมกลุ่มกันอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของแม่น้ำสิงคโปร์ ซึ่งกลายมาเป็นไชน่าทาว์ ที่ปรากฏอยู่ถึงปัจจุบัน
 
ด้วยสถาปัตยกรรมตึกทรงโคโลเนียล ถูกทาสี สีสันสวยงาม ผสมผสานความคลาสสิคเข้ากับความทันสมัยได้อย่างลงตัว  ไชน่าทาว์นแห่งนี้ จึงเต็มไปด้วยสีสัน ความคึกคักตั้งแต่เช้ายันดึก และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสิงคโปร์อีกแห่งที่นักท่องเที่ยวต้องไปเยือน
 
เสน่ห์อีกอย่างหนึ่ง ที่ทำให้ย่านไชน่าทาวน์แห่งนี้น่าไปเที่ยวชม คือ การอยู่ร่วมกันของคนหลากเชื้อชาติ และหลากหลายความเชื่อ ประกอบด้วยทั้ง วัดฮินดู  วัดพุทธ  มัสยิด
 
กล่าวคือ วัดฮินดู มี "วัดศรีมาริอัมมัน" เป็นวัดฮินดูเก่าแก่ที่สุดในสิงคโปร์อีกวัดหนึ่ง ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2370 เพื่ออุทิศให้กับพระศรีมาริอัมมัน หรือ พระแม่อุมาเทวี ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจ สันติสุข และความงดงาม 

จุดเด่นของวัดแห่งนี้ คือ มีความสวยงามด้วยรูปแกะสลักจำนวนมาก และมีชื่อเสียงใน "เทศกาลทิมิติ" หรือ เทศกาลลุยไฟ ช่วงเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายนของทุกปี

นอกจากนี้ ยังมี วัดพุทธ คือ วัดพระเขี้ยวแก้ว เป็นวัดขนาดใหญ่ ตั้งอยู่กลางไชน่าทาวน์ วัดแห่งนี้มีพระบรมสารีริกธาตุที่เป็นพระทนต์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบจีน ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อ พ.ศ.2548 ภายในวัดได้รวบรวมพระพุทธรูปมาประดิษฐานไว้จำนวนมาก ซึ่งในแต่ละวันมีชาวสิงคโปร์และนักท่องเที่ยวเดินทางไปสักการะไม่ขาดสาย
 
ส่วน มัสยิด คือ มัสยิดจาเม เป็นมัสยิดที่ถูกสร้างโดยชาวอินเดีย เป็นมัสยิดที่ถูกสร้างโดยสถาปัตยกรรมแบบอินเดียตอนใต้ ภายในได้รวบรวมหนังสือ และคำภีร์อัลกุรอาน ไว้จำนวนมาก และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมฟรี
 
สำหรับสาเหตุสำคัญที่สำคัญที่ทำให้ชาวสิงคโปร์ จากหลากเชื้อชาติและหลากความเชื่อทางศาสนา อยู่รวมกันได้อย่างสงบสุข  คือ นโยบายสังคมพหุชาติพันธุ์ ของ  "ลีกวน ยู" อดีตผู้นำสิงคโปร์
 

โดยนาย "ลีกวน ยู" ได้กําหนดให้สิงคโปร์คงความเป็นพหุสังคมที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรมต่อไป ความอยู่รอดของสิงคโปร์อยู่ที่การเป็นรัฐที่มีหลายเชื้อชาติและการสนับสนุนให้ทุกชุมชนภูมิใจในวัฒนธรรมและภาษาของตน โดยให้สอดคล้องกับลักษณะประจําชาติที่มีร่วมกัน

การรณรงค์ทางการเมืองอย่างต่อเนื่องในเรื่องความอยู่รอดของชาติทําให้เกิดการหล่อหลอมความคิดของกลุ่มชนหลายเชื้อชาติให้มีลักษณะร่วมเป็นชาวสิงคโปร์เหมือนกัน  โดยการรณรงค์เรื่องความสามัคคีความเป็นหนึ่งเดียวกัน และความมั่นคงของรัฐ ซึ่งเป็นพื้นฐานในการสร้างชาติ โดยมีสาระสําคัญ 5 ประการ คือ
1. ชาติสําคัญกว่าชุมชน และสังคมสําคัญกว่าปัจเจกบุคคล ซึ่งเป็นการเชิดชูความเป็นชาติเหนือกว่าปัจเจกบุคคล
2. ครอบครัวเป็นหน่วยพื้นฐานของสังคม ดังนั้นสถาบันครอบครัวจึงเป็นรากฐานที่แท้จริงของสังคม
3. การให้การสนับสนุน ช่วยเหลือกันในชุมชน และเคารพต่อปัจเจกบุคคล เป็นการสนับสนุนจารีตประเพณีที่ให้ผู้น้อยเคารพผู้ใหญ่
4. การส่งเสริมฉันทามติแต่ไม่สร้างความขัดแย้ง แสดงให้เห็นว่าการตัดสินใจใด ๆ ก็ตามควรเน้นการเห็นพ้องต้องกันมากกว่าการแข่งขันและการถกเถียงกัน
5. ส่งเสริมและประสานความกลมกลืนด้านเชื้อชาติและศาสนา ดังนั้นจึงต้องสร้างความสามัคคีกันระหว่างประชาชน เพราะสิงคโปร์เป็นประเทศที่รวมกันของความหลากหลายทางเชื้อชาติและศาสนา
 
สำหรับสิงคโปร์ มีความหลากหลายของเชื้อชาติ ศาสนา  มีทั้งเชื้อชาติจีนซึ่งนับถือพุทธ ร้อยละ ๗๐ อินเดีย นับถือฮินดู  ร้อยละ ๒๐    มาเลย์ที่นับถืออิสลาม ร้อยละ ๘  และคริสต์ร้อยละ ๒  แต่ชาวสิงคโปร์อยู่กันอย่างสงบไร้ปัญหาด้านเชื้อชาติและศาสนา ดังนั้นจึงเป็นสังคมแบบ "พหุวัฒนธรรม" ที่น่าศึกษาอย่างยิ่ง ที่ประเทศไทยไม่ควรมองข้าม