"สนธิญาณ" ชี้! ต้องตามติด "สนช." หลังมีมติส่งคำถามพ่วงการทำ "ประชามติ" ประเด็นการเปลี่ยนผ่าน ย้ำ! กองเชียร์ต้องการให้ "ลุงตู่" อยู่ดูแลปท. เพื่อปฏิรูปต่อ !!

ติดตามข่าวสารได้ที่ http://www.tnews.co.th

 

 

 

รายการ "สถาพรถามตรง สนธิญาณฟันธงตอบ" ประจำวันที่ 6 เมษายน 2559  ออกอากาศทางช่อง ทีนิวส์  ดำเนินรายการโดย คุณสถาพร เกื้อสกุล (ถา) ได้สัมภาษณ์คุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม (ต้อย)  กรรมการผู้อำนวยการ บริษัททีนิวส์ทีวี โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้

 

 

สถาพร : ขณะนี้ประเด็นที่น่าสนใจอยู่ก็มี 2 ประเด็นหลัก ๆ ประเด็นแรกหลังจากที่เมื่อวานนี้ที่มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ก็มีการออกมาเปิดเผยกันว่า สนช. จะมีมติส่งคำถามพ่วงในการทำประชามติ 1 ข้อ แต่ต้องมีการรวบรวมความเห็นและดูว่าประเด็นคำถามคืออะไร อีกเรื่องคือ ปานามาเปเปอร์ส ที่มีชื่อคนไทยไปเกี่ยวข้องมากมาย มาเริ่มกันที่เรื่องของรัฐธรรมนูญหลังจากที่ สนช. บอกว่าจะมีคำถามพ่วงนั้นเป็นอย่างไรบ้างครับ

 

สนธิญาณ : เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องและรับผิดชอบต่อหน้าที่ตัวเองและประเทศชาติ

 

สถาพร : ลดความสับสนให้กับประชาชนไปได้นิดนึง

 

สนธิญาณ : ก่อนหน้านี้ สนช. มีความคิดว่าจะไม่ตั้งคำถาม ไม่ได้พูดเอาเองมั่ว ๆ นะครับ เอกสารสรุปของคณะกรรมาธิการชุดต่าง ๆ สรุปออกมาเป็นอย่างนั้นว่า เห็นควรให้ตั้ง 6 คณะ ไม่เห็นควรให้ตั้ง 9 คณะ ตอนนั้นยังไม่ส่งคำถามอีก 1 คณะ ท้ายสุดตอนนี้มีมติก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี เหตุผลต้องเรียนว่า รัฐธรรมนูญปี 2557 เขากำหนดหน้าที่ให้ สนช. เรื่องนี้ เพื่อที่จะได้ช่วยในการถ่วงดุลคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ตรวจสอบไม่ให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเดินไปสุดโต่งหรือเป็นอิสระ และให้ฟังกันหลาย ๆ ฝ่าย ฉะนั้นเมื่อวานการที่ สนช. มีมติให้ตั้งคำถามผมถึงเรียนว่า ถูกต้องแล้วท่านจะได้ทำหน้าที่ของการดุลอำนาจ กรธ. ประเด็นถัดมาต้องพิจารณากันต่อไปว่าจะตั้งแบบไหน การตั้งคำถามมติผมคิดว่าชัดเจนคือ เห็นชอบให้มีการตั้งพ่วงประชามติ เพื่อที่จะร่วมกำหนดกลไกเปลี่ยนผ่าน ฉะนั้นประเด็นการตั้งคำถามแคบลงมาแล้ว ก็จะไปดูเรื่องของการเปลี่ยนผ่าน ความหมายของการเปลี่ยนผ่านก็คือ ข้อเสนอของแม่น้ำ 4 สายที่ได้เสนอต่อ กรธ. ไปชัดเจนครับว่า ในการเปลี่ยนผ่านที่ว่าข้อเสนอคืออะไร ให้มีวุฒิสมาชิก สามารถอภิปรายไม่ไว้วางใจ ลงไม่ไว้วางใจได้ ให้สมาชิกวุฒิสภาสามารถอภิปรายลงมติเกี่ยวกับกฎหมายทางการเงินได้ร่วมกับ ส.ส. คือใช้มติของรัฐสภาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจพระราชบัญญัติทางการเงิน รวมถึงร่างพระราชบัญญัติงบประมาณประจำปี ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด นั่นคือข้อแรกครับ ปรากฏว่า กรธ. เขาให้มาหน่อยหนึ่งว่า ให้มีสิทธิ์ร่วมยับยั้งพระราชบัญญัติการเกี่ยวเนื่องกับการนิรโทษกรรม แต่ไม่ให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งผมตอกย้ำนะครับว่าการไม่ให้ลงมติ ไม่ให้อภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือร่างพระราชบัญญัติงบประมาณก็ทำให้แม่น้ำ 4 สายก็รู้สึกว่า ตอนที่เสนอไปก็เพื่อต้องการที่จะถ่วงดุลรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง จะมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่เป็นประชาธิปไตยก็ว่ากันไป แต่ต้องการถ่วงดุล ประเด็นถัดมาคือเรื่องนายกรัฐมนตรีคนนอก ที่ไม่ต้องเสนอชื่อก่อน 3 ชื่อ ตามที่ร กรธ. ร่างเอาไว้ อันนี้ กรธ. เขาก็ให้ แต่ให้แล้วการเสนอก็ต้องเสียง 250 เสียง เมื่อเวลาลงมติต้องใช้ 2 ใน 3 ของรัฐสภา กรธ. เสนอ 250 เสียง แล้วต้องใช้เสียง 500 เสียง แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย คือวุฒิสมาชิกจะต้องเอกฉันท์ 250 คน และบวก ส.ส. 250 คน ซึ่ง ส.ส.ถ้ามี 250 คนในสภาแล้ว เขาก็เลือกนายกของเขาเอง เขาจะมาเลือกนายกคนนอกทำไมครับ อันนี้ก็ไม่มีประโยชน์ดูเหมือนว่าเงื่อนไขที่ตั้งไว้ไม่มีทางจะเป็นไปได้ ก็ต้องมาดูกัน อย่างไรก็ตาม ในข้อเสนอของ คสช. ข้อนี้ตัว คสช. เองบอกว่าที่มาของนายกรัฐมนตรี ให้ ส.ส. เป็นคนเสนอไม่ใช่รัฐสภา เหตุผลก็เพื่อให้นายกรัฐมนตรีมาด้วยความสง่างามว่าเป็นตัวแทนของประชาชนมาจากประชาชนที่เลือก ส.ส. ไม่ใช่มาจากวุฒิสภาหรือวุฒิสมาชิกที่ คสช. เลือกมาเอง ผมกำลังแปลความว่า คสช. เขาคิดอะไรอยู่ในตอนนั้น แต่ประเด็นนี้เมื่อจะมาเป็นคำถามตอนนี้ก็เกิดสับสนกันนิดหน่อย เนื่องจากว่า สปท. ซึ่งมีสิทธิ์เสนอความเห็นคำถามที่จะเป็นความเห็นของ สนช. ไม่ใช่หมายความว่า สปท. มีสิทธิ์เสนอคำถามนะครับ ย้ำเลยคำถามเป็นสิทธิ์ของ สนช. ตามรัฐธรรมนูญ มาดูว่า สปท. เสนอเลยว่าให้วุฒิฯเลือกนายกด้วย ผมเรียนแล้วว่าหนักไปนิด ก็จะทำให้ที่มาของนายกไม่สง่างาม แต่คนที่มาวิพากษ์วิจารณ์ สปท. ผมว่าไม่เป็นธรรมกับ สปท. เพราะเขามีสิทธิ์ที่จะเรียนนำเสนอ หากผ่าน สนช. เขาเห็นด้วยก็เป็นเรื่องที่เขาตัดสินใจ แต่ข้อเสนอของเขาจะต้องมาผ่าน สนช. ก่อนอีก และ สนช.ก็มีคำถามของตัวเองอีกว่า สถานการณ์เป็นแบบไหน ก็ต้องมาดูต่อว่าวันพรุ่งนี้จะประชุมแล้ว สิ่งที่ สนช. มีมติตั้งหนึ่งคำถามเกี่ยวเนื่องกับการเปลี่ยนผ่าน ก็ชัดเจนแล้วแต่จะอยู่ที่ขอบเขตแค่ไหน อันนี้สำคัญครับ ประเด็นที่กำลังตีความกันอยู่ว่าหนึ่งคำถามครอบคลุมขนาดไหน เช่น ให้เลือกนายกได้ให้ลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ ลงมติร่างพระราชบัญญัติงบประมาณได้ ถามแบบนี้คือกลายเป็น 3 คำถามหรือเปล่า มีคนบอกว่าคำถามเดียว ก็นี่ไงให้เลือกคำถามเดียวคืออำนาจของวุฒิฯ ให้วุฒิมีอำนาจดังต่อไปนี้ไหม มีคนบอกว่ามีคนถามเดียวคือให้อำนาจของวุฒิสมาชิก เขียนไว้ในข้อเดียวแต่ครอบคลุม 3 ประเด็น อีกฝ่ายหนึ่งบอกว่านี่คือการตั้ง 3 คำถาม รัฐธรรมนูญเขากำหนดไว้ให้คำถามเดียว นี่เป็นประเด็นอยู่อีกครับ บางคนก็เสนอว่าง่ายเลยคำถามเดียว คือครอบคลุมทุกประเด็นเหมือนกันก็คือว่า เห็นว่าบทเฉพาะกาลควรเป็นไปตามที่แม่น้ำ 4 สายเสนอหรือไม่ นี่ก็ชัดนะครับ ก็กำลังเป็นประเด็นดังต่อไปนี้ สำหรับคำถามต่าง ๆ ผมเรียนว่าฟากฝั่งนักการเมืองไม่เห็นด้วย ไม่ว่าจะประชาธิปัตย์หรือ พรรคเพื่อไทย ซึ่งทางฝั่งพรรคเพื่อไทยเขาเดินหน้าคว่ำอยู่ ส่วนพรรคประชาธิปัตย์เขามีลูกกั๊กอยู่ก็จะผ่านหรือไม่ผ่านดี คุณอภิสิทธิ์ก็ออกมาทักท้วงเรื่องคำถาม คนนู้นนี้ก็ออกมาทักท้วง กันอยู่ตอนนี้ก็ต้องมาดูต่อว่าจะเป็นอย่างไร พรุ่งนี้มีมติแต่ว่าในแง่ของกองเชียร์ที่ต้องการให้ลุงตู่อยู่ดูแลประเทศเพื่อปฏิรูปต่อ ต้องย้ำว่ารู้สึกโล่งใจที่ สนช. จะมีคำถามและอยู่ในช่วงคำถามจะมีการเปลี่ยนผ่าน ก็ลุ้นระทึกเกาะติดทีนิวส์ครับ ช่วงนี้หากจากจอทีนิวส์ไม่ได้นะครับ เดี๋ยวจะตกข่าวสำคัญ ขาดความเข้าใจเนื้อหาสาระของประเทศ