- 11 พ.ค. 2559
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tnews.co.th
ถือเป็นการตัดสินใจ บนพื้นฐานของการรับฟังเสียงประชาชนหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. เป็นประธานการประชุม มีมติเห็นชอบการสัมปทานเหมืองแร่ทองคำในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ได้พูดถึงการพิจารณาต่ออายุประกอบโลหกรรม (โรงถลุง) ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ที่มีการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ถึงปัญหามลภาวะและผลกระทบด้านสุขภาพว่า ได้สั่งการไปแล้วว่าภายในสิ้นปีนี้ จะไม่มีการทำเหมืองแร่ทองคำอีกต่อไป และรัฐบาลนี้จะต้องเข้าไปแก้สภาพปัญหาพื้นที่ รวมถึงดำเนินการหางานให้คนงานอีกพันกว่าคน
จากผลของปัญหาที่เกิดขึ้นจากอดีต และรัฐบาลชุดนี้ต้องมารับผิดชอบแก้ไข แต่อย่างไรก็ตามตั้งแต่สิ้นเดือน ธ.ค. นี้จะไม่มีเหมืองแร่ทองคำในประเทศไทยอีกต่อไป
ขณะที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) มีโอกาสต่อสู้ในแง่ข้อกฎหมายได้หรือไม่ ภายหลังครม.มีมติไม่ต่ออายุสัมปทานเหมืองทองคำ จ.พิจิตร ที่จะหมดลงในปีนี้ว่า ในแง่ข้อกฎหมายต้องกลับไปดู เงื่อนไขสัญญาสัมปทาน แต่ตนคิดว่าไม่น่าจะฟ้องร้องได้ เพราะสัญญานั้นหมดอายุแล้ว และครม.ไม่ได้อนุญาตต่ออายุสัญญาให้
เมื่อถามว่า บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด มหาชน ยืนยันว่ามีสัญญาสัมปทานถึงปี 2571 นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่ทราบในส่วนนี้ ต้องถามไปยังกระทรวงอุตสาหกรรม เพราะขณะนี้ที่กระทรวงอุตฯ รายงาน คือต่ออายุสัมปทานให้จนถึงแค่สิ้นปี แสดงว่ามีอายุสัมปทานแค่นั้น หากยาวมากกว่านั้น เขาจะหยุดไว้แค่นั้นได้อย่างไร
เมื่อถามว่า ทางบริษัทเอกชนดังกล่าวดูเหมือนจะฟ้องร้องกลับ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็ไม่เป็นไร ถ้าเขาคิดว่าได้รับความเสียหาย เขาก็สามารถไปขอใช้สิทธิทางศาลได้ เหมือนอย่างที่รัฐโดนมาหลายเรื่องแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา ถูกผิดก็ต้องไปพูดกันในศาล และหากศาลสั่งว่าต้องให้เปิดดำเนินการ รัฐบาลก็ต้องเปิดให้
ด้าน นางอรรชกา สีบุญเรือง รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยถึงกระแสข่าวนายอาทิตย์ วุฒิคะโร ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ยื่นหนังสือขอลาออกจากตำแหน่ง โดยยืนยันว่า เป็นความจริง แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณีการปิดเหมืองแร่ทองคำ เพราะเมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา นายอาทิตย์ ได้เข้ามายื่นหนังสือขอลาออกมีผลวันที่ 7 มิ.ย.59 และตนก็ลงนามในคำสั่งรับทราบแล้ว โดยสาเหตุของการลาออก ไม่ได้เกิดจากความขัดแย้งระหว่างตนกับปลัด ซึ่งข้อเท็จจริงทั้งหมดคงต้องให้ปลัด มาชี้แจงเอง แต่ในขั้นต้นนี้ทราบมาว่า มีสาเหตุมาจากครอบครัว และปัญหาสุขภาพเท่านั้น
และหลังจาก คณะรัฐมนตรี สั่งปิดเหมืองแร่ทองคำชาตรี ของ บริษัท อัครารีซอสเซส จำกัดมหาชน ในพื้นที่ ต.เขาเจ็ดลูก อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร หลังสิ้นปี 2559 พร้อมทั้งหยุดกิจการทำเหมืองทองอย่างไม่มีกำหนด
ซึ่งบริษัท บริษัทอัครา รีซอร์เซส ได้สัมปทานเหมืองแร่ทองคำจำนวน 14 แปลง ในพื้นที่ 3 จังหวัด คือ พิจิตร , พิษณุโลก และ เพชรบูรณ์ ถึงกับออกแถลงการณ์ ว่าบริษัท ได้อายุประทานบัตร ถึงเดือนมกราคม ปี 2571 และเหตุใดถึงได้สั่งปิดทั้งๆที่กิจการเหมืองแร่ทองคำไม่ได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อทั้งสิ่งแวดล้อม
นายเชิดศักดิ์ อรรถอารุณ ผจก.ประสานงานกิจการภายนอก บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ได้ออกแถลงการณ์ของบริษัทว่า ตามที่มีคำแถลงจาก รมว.อุตสาหกรรม กรณีให้เหมืองแร่ทองคำชาตรีของบริษัทหยุดดำเนินกิจการเหมืองภายในสิ้นปี 2559 สร้างความประหลาดใจให้กับบริษัทเป็นอย่างมาก เนื่องจากบริษัทยังคงมีประทานบัตรที่ได้รับอนุญาตอยู่จนถึงปี 2571 จึงวางแผนการทำเหมืองไว้แล้วจนถึงเวลาดังกล่าว
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่เริ่มดำเนินกิจการ บริษัทได้พิสูจน์ให้เห็นมาตลอดว่ากิจการเหมืองแร่ทองคำชาตรีไม่ได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน ที่อาศัยอยู่ในชุมชนโดยรอบเหมืองแร่ทองคำชาตรีแต่อย่างใด
ในแถลงการณ์ระบุอีกว่า บริษัทได้ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดทุกอย่างตามกฎหมายแห่งประเทศไทย ภายใต้การกำกับดูแลของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่) อย่างเคร่งครัดเสมอมา นอกจากนี้ บริษัทยังมีส่วนช่วยสร้างให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจแก่ประเทศไทยทั้งในระดับท้องถิ่นและต่อประเทศไทยโดยรวม อย่างไรก็ดี บริษัทยังไม่ได้รับเอกสารแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรใดๆจากทางภาครัฐและบริษัทจะได้หารือกับที่ปรึกษาด้านกฎหมาย เพื่อพิจารณาช่องทางการดำเนินการตามกฎหมายที่สามารถทำได้ต่อไป
สำหรับริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) (ชื่อเดิม อัครา ไมนิ่ง จำกัด) เป็นบริษัทจำกัดที่จดทะเบียนจัดตั้งภายใต้กฎหมายแห่งราชอาณาจักรไทยในปี 2536 เป็นเจ้าของและผู้ประกอบการโครงการเหมืองแร่ชาตรีคอมเพล็กซ์ในประเทศไทย บริษัทฯ เป็นบริษัทลูกของบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ดซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย ("ASX") โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2556 บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ถือหุ้นร้อยละ 48.2% ในบริษัทฯ
การดำเนินธุรกิจที่ผ่านมาของบริษัท มีดังต่อไปนี้
-ปี 2537 เริ่มดำเนินการสำรวจแร่ในประเทศไทย
-มิถุนายน 2543 ได้รับประทานบัตรเหมืองแร่ 5 ฉบับ ครอบคลุมพื้นที่โครงการชาตรีใต้
-มกราคม 2544 ได้รับสิทธิประโยชน์จากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ในส่วนของโรงประกอบ โลหกรรมชาตรี
-ธันวาคม 2543 - พฤศจิกายน 2544 โรงงานประกอบโลหกรรมชาตรีและสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้องสร้างเสร็จสิ้น
-พฤศจิกายน 2544 บริษัทฯ ทำการทดสอบระบบโรงงานประกอบโลหกรรมชาตรี และเริ่มการผลิตทองคำเชิงพาณิชย์ภายใต้โครงการชาตรีใต้
ธันวาคม 2546 เสร็จสิ้นการขยายโรงประกอบโลหกรรมชาตรี ส่งผลให้กำลังการผลิตติดตั้งเพิ่มขึ้นเป็น 2.0 ล้านตัน/ปี
-ธันวาคม 2549 เสร็จสิ้นการขยายโรงประกอบโลหกรรมชาตรีครั้งที่สอง ส่งผลให้กำลังการผลิตติดตั้งเพิ่มขึ้นเป็น 2.3 ล้านตัน/ปี
-มิถุนายน 2551 ได้รับประทานบัตรเหมืองแร่สำหรับโครงการชาตรีเหนือ ซึ่งมีพื้นที่เพิ่มขึ้นถึงสามเท่า ทำให้มีปริมาณแร่สำรองเพื่อการทำเหมืองเพิ่มขึ้น
-พฤศจิกายน 2551 เริ่มกิจกรรมด้านเหมืองแร่ที่โครงการชาตรีเหนือ
-มิถุนายน 2553 ได้รับสิทธิประโยชน์จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) สำหรับส่วนขยายของโรงประกอบโลหกรรมชาตรี
-มิถุนายน 2555 ส่วนขยายของโรงประกอบโลหกรรมชาตรีผ่านการทดสอบขั้นสุดท้าย (final stages of commissioning ) และการทดลองเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด (optimization trial) เสร็จสิ้น ซึ่งจะส่งผลให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 5.0 ล้านตัน/ปีเมื่อโรงงานพร้อมดำเนินการผลิต
-พฤศจิกายน 2555 โรงประกอบโลหกรรมชาตรี ได้รับใบอนุญาตประกอบโลหกรรม โรงงานมีกำลังการผลิตติดตั้งทั้งสิ้น 5.0 ล้านตัน/ปี และขณะนี้ดำเนินการผลิตทั้งสิ้น 6.2 ล้านตัน/ปี






