- 11 ก.ค. 2568
วิธีพกเครื่องราง ฉบับสายมู มีอะไรบ้าง การมีเครื่องรางติดตัวเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่จะช่วยเสริมพลังให้เราก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นใจมากขึ้นค่ะ ไปดูคำตอบกันค่ะ
“วิธีพกเครื่องราง” ฉบับสายมู มีอะไรบ้าง ยุคนี้ใครๆ ก็เป็นสายมูได้ เป็นการเสริมพลังใจและสร้างความมั่นใจให้ชีวิตเดินหน้า ยิ่งโลกหมุนไวเท่าไหร่ ของขลัง ก็ยิ่งปรับตัวให้เข้ากับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่มากขึ้น ไม่ได้มีแค่รูปปั้นองค์เทพใหญ่ๆ หรือพระเครื่องเท่านั้น แต่ยังมีเครื่องรางที่มีดีไซน์เก๋ไก๋ พกง่าย และซ่อนความหมายดีๆ ไว้มากมาย
เปิดความเชื่อ วิธีพกเครื่องราง ฉบับสายมู มีอะไรบ้าง มีคำตอบ
- เขี้ยวเสือ วิธีพก: นิยมนำมาทำเป็นเครื่องประดับ เช่น สร้อยคอ, จี้, หรือพกไว้ในกระเป๋าเสื้อ
- ตะกรุดโทน วิธีพก: ส่วนใหญ่นิยมร้อยเชือกคาดเอว หรือห้อยคอ
- กะลาตาเดียว วิธีพก: นิยมนำมาแกะเป็นรูปราหูอมจันทร์ หรือนำมาทำเป็นจี้, พวงกุญแจ
- ปลัดขิก วิธีพก: นิยมนำไปผูกติดไว้กับเอว หรือเหน็บกับกางเกง
- เบี้ยแก้ วิธีพก: นิยมนำมาคาดเอว ห้อยคอ หรือใส่ไว้ในกระเป๋า
วิธีพกเครื่องรางฉบับสายมูยุคใหม่ ไม่ใช่แค่ใส่ แต่ต้อง "เข้าใจ"
การพกเครื่องรางไม่ใช่แค่มีติดตัว แต่ต้องรู้หลักการและปฏิบัติตัวให้เหมาะสม เพื่อเสริมพลังให้เครื่องรางทำงานได้เต็มที่
- ทำความสะอาดและตั้งจิตอธิษฐาน: ก่อนนำมาพก ควรทำความสะอาดเครื่องราง (หากทำได้) และตั้งจิตอธิษฐานถึงสิ่งที่เราปรารถนา สื่อสารพลังงานดีๆ ออกไป
- พกใกล้ตัว หรือในที่ที่มองเห็น: การพกเครื่องรางใกล้ตัว เช่น สร้อยคอ, กำไล, พวงกุญแจ, หรือวางบนโต๊ะทำงาน จะช่วยให้เราเชื่อมโยงกับพลังงานของเครื่องรางได้ตลอดเวลา
- หมั่นทำบุญ สร้างกรรมดี: เครื่องรางเป็นเพียงตัวเสริม แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการกระทำของเราเอง การทำบุญ สวดมนต์ นั่งสมาธิ และการคิดดี ทำดี จะช่วยเสริมพลังให้เครื่องรางและตัวเราเอง
- หลีกเลี่ยงการอวดอ้าง: การพกเครื่องรางควรเป็นไปเพื่อตัวเราเอง ไม่ใช่อวดโอ่หรือเปรียบเทียบกับผู้อื่น
- ดูแลรักษาให้ดี: ไม่ปล่อยให้สกปรก หรือวางในที่ที่ไม่เหมาะสม แสดงความเคารพต่อสิ่งที่พก
ไม่ว่าจะเป็นเครื่องรางยุคเก่าหรือยุคใหม่ สิ่งสำคัญที่สุดคือ "ความเชื่อมั่น" และ "พลังใจ" ที่เรามีให้กับสิ่งนั้นๆ การมีเครื่องรางติดตัวเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่จะช่วยเสริมพลังให้เราก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นใจมากขึ้นค่ะ






