- 28 ก.พ. 2559
"สนธิญาณ" ชำแหละ! ข้อเสนอ "พศ." รับใช้ "ธรรมกาย" ไม่สนความถูกผิด รัฐฯ ควรใช้ม.44 ผ่าตัดยกเครื่ององค์กรใหม่
รายการ "ยุคลถามตรง สนธิญาณฟันธงตอบ" ประจำวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2559 ออกอากาศทางช่องทีนิวส์ ดำเนินรายการโดย คุณยุคล วิเศษสังข์ (หนึ่ง) ได้สัมภาษณ์คุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม (ต้อย) กรรมการผู้อำนวยการ บริษัททีนิวส์ทีวี โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้
สนธิญาณ : สวัสดีครับแฟนข่าวทีนิวส์ทุกท่าน ผมคิดว่าถึงเวลาจะต้องให้รัฐบาลตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งเกี่ยวกับสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สิ่งที่ต้องตัดสินใจคือ 1.ควรจะยุบสำนักงานแห่งนี้ด้วยมาตรา44 และตั้งสำนักงานใหม่ขึ้นมาหรือไม่เพื่อทำหน้าที่ในการที่จะประสานดูแลรักษากฎหมายในเรื่องอันเกี่ยวเนื่องกับคณะสงฆ์ หรือ 2.โยกย้ายข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาทั้งหมด ไปทำงานทางด้านอื่น และโยกย้ายคนข้าราชการจากส่วนอื่นมาทำงานแทน เพราะข้อเสนอล่าสุดของสำนักพุทธที่เสนอต่อท่านรัฐมนตรีสุวพันธุ์ เป็นข้อเสนอที่โยนเผือกร้อนให้รัฐบาลเป็นข้อเสนอที่ทำให้รัฐบาลอยู่ในภาวะอันเป็นจุดอับกลืนไม่เข้าคายไม่ออกในการที่จะก่อให้เกิดแรงกระทบไม่ว่าต่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ทำไมสำนักพุทธฯทำแบบนี้ ก็เพราะว่าข้าราชการในสำนักพุทธฯผมไม่รู้ว่าเกือบทั้งหมดหรือว่าทั้งหมดหรือไม่เป็นคนของวัดพระธรรมกาย เป็นคนที่วัดพระธรรมกายดูแลมาอย่างดี จะเหมือนกับเวลาบริษัทที่ทำการค้าขายกับหน่วยราชการจะเปรียบเทียบให้เห็นแบบนี้ครับ ยกตัวอย่างว่าบริษัทเบียร์แห่งหนึ่งซึ่งมีตราเป็นสัตว์ตัวใหญ่ ๆ ที่มีงวง ข้าราชการในกรรมสรรพสามิตเล่าให้ผมฟังว่า เขาจะดูแลข้าราชการในกรมนี้ ตั้งแต่ระดับพนักงานขับรถ ขนาดวันเกิดยังมีของขวัญให้ คนทั้งกรมเยอะมากมายขนาดไหน และข้าราชการตั้งแต่ชั้นผู้น้อยดูแลไป ข้าราชการก็เติบโตไปเรื่อยตามแถว โตไปเรื่อย ๆ จะอยู่ด้วยความเกรงใจของบริษัทเบียร์แห่งนี้ แบบเดียวกับคนในสำนักพุทธฯ ซึ่งเจริญเติบโตในหน้าที่การงานดูเหมือนเป็นคนธรรมะแต่อยู่ในเครือข่ายของวัดพระธรรมกาย เพราะสิ่งที่วัดพระธรรมกายมีนอกเหนือจากธรรมะที่สอนกันคืออำนาจเงินมหาศาล ดังนั้นเมื่อรัฐบาลโดยนายสุวพันธุ์โยนเรื่องไปให้สำนักพุทธฯสรุปเสนอ แทนที่จะทำงานในฐานะหน้าที่ของข้าราชการ ทำงานในฐานะหน้าที่ของหน่วยงานที่ขึ้นตรงกับรัฐมนตรี กับนายกรัฐมนตรี แต่เป็นการทำงานที่ขึ้นตรงกับวัดพระธรรมกาย ทำงานที่ขึ้นตรงกับคณะสงฆ์ ผมเรียนแบบนี้ในแง่ของคณะสงฆ์ต้องให้ความเคารพนับถือแน่นอน แต่เมื่อคุณเป็นหน่วยราชการสิ่งหนึ่งต้องทำสองเรื่องครับ เรื่องแรกคือการดูแลจัดการความเรียบร้อยในคณะสงฆ์ในแง่ของการจัดความสัมพันธ์ของทางโลก และรัฐบาล ไม่ใช่ไปอยู่ในฐานะขึ้นตรง
ทำไมผมถึงกล้าพูดว่าสำนักพุทธขึ้นตรงกับวัดพระธรรมกาย มีที่ไหนล่ะครับในข้อเสนอในสิ่งที่พูดที่ทำเอาวัดพระธรรมกายมารวมกับคณะสงฆ์ วัดพระธรรมกายก็คือวัดๆ หนึ่ง คณะสงฆ์คือคณะสงฆ์ทั้งประเทศ แต่นี่พยายามให้เห็นพูดในแง่มุมวัดพระธรรมกายเป็นวัดใหญ่ เอาเรื่องมาผูกกับคณะสงฆ์เลยนะครับ คณะสงฆ์และวัดพระธรรมกาย ถ้าเป็นแบบนี้แสดงว่าแตะต้องวัดพระธรรมกายไม่ได้ เพราะในข้อเสนอหนึ่งบอกว่ารัฐควรจะไม่เข้ามาก้าวก่ายกับคณะสงฆ์ตามโบราณประเพณีซึ่งเป็นเรื่องที่โกหก เพราะตามโบราณประเพณีพระมหากษัตริย์ซึ่งถือว่าเป็นตัวแทนของรัฏฐาธิปัตย์ในยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ จะเข้าไปดำเนินการหรือจัดกับพระสงฆ์ที่มีพฤติกรรมที่ไม่ดีและไม่เหมาะสมทันที นี่เป็นยกตัวอย่าง ถัดมามาดูทำตัวเป็นส่วนหนึ่งในฐานะผู้ที่ร่วมการเคลื่อนไหวกับพระเมธีธรรมาจารย์ ไปดูข้อเสนอทุกข้อสิครับ ว่าข้อเสนอนี้สอดคล้องกับเสนอ 5 ข้อกับพระเมธีธรรมาจารย์และผู้ชุมนุมที่พุทธมณฑลวันนั้นไหมครับ ใกล้เคียงจนเกือบจะเป็นอันเดียวกัน แล้วยังมีหน้ามาพูดอีกว่าวันนั้นมีพระผู้ใหญ่จะไปชุมนุมกันที่พุทธมณฑล ดีนะห้ามไว้ มีการบอกว่าดีนะห้ามไว้ แล้วพระผู้ใหญ่ด้วยนะครับระบุ 200 กว่ารูป ผมว่านี่ก็กันไปใหญ่แล้ว ผมหมายถึงสำนักพุทธฯนะครับ มาพูดแบบนี้แทนที่จะนึกว่าพระผู้ใหญ่ประชุมกันไปเรื่องชุมนุม ฉะนั้นวันนี้สิ่งที่สำนักพุทธฯทำให้เห็นก็คือต้องการให้รัฐบาลเห็นว่าคณะสงฆ์ไม่ว่าจะเป็นธรรมยุตหรือมหานิกายล้วนสนับสนุนพระมหารัชมังคลาจารย์ซึ่งอ้างว่าเป็นเสียงส่วนใหญ่แล้ว กับผู้คัดค้านที่มีไม่กี่คน แต่ตอนนี้ผมคิดว่าสิ่งที่รัฐบาลคิดได้ว่าเสียงส่วนใหญ่ที่สำนักพุทธฯอ้างอันเกี่ยวเนื่องกับคณะสงฆ์และผู้คนที่สนับสนุนวัดพระธรรมกายและคณะสงฆ์น่าจะกลายเป็นคนส่วนน้อยของสังคมไทย สำคัญนะครับ และกลับไปดูคำเทศนาของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่บอกว่าผู้ที่จะรักษาศาสนาให้ยืนยาวได้ประกอบด้วยบริษัท4 คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา แต่ในวันนี้ในลักษณะที่เป็นอยู่นี้คณะสงฆ์ส่วนใหญ่กำลังเป็นผู้ทำลายพระพุทธศาสนา ในแง่การทำลายความเชื่อถือคนส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งเป็นผู้นับถือพระพุทธศาสนา เพราะการประพฤติปฏิบัติของพระที่ไม่ได้เป็นไปตามธุดงค์วัดอยู่กับโลกกับสังคมกับการเยินยอปอปั้นทรัพย์สมบัติยศถาบรรดาศักดิ์ตำแหน่ง จึงทำให้ก่อเหตุแบบนี้ขึ้น ตั้งแต่วัดพระธรรมกายจนถึงมหาเถรสมาคม ถ้าละวางเรื่องนี้ไม่สนใจไม่ใฝ่หาก้มหน้าก้มตาสอนไป ทำไปไม่เกี่ยวกับตำแหน่ง ทรัพย์สินเงินทองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เท่านั้นการที่สำนักพุทธฯได้เสนอและทำการบีบบังคับรัฐมนตรีสุวพันธุ์ รัฐมนตรีสุวพันธุ์ตีกลับข้อเสนอนี้หรือส่งให้พล.อ.ประยุทธ์ ว่าคณะสงฆ์เสียงส่วนใหญ่เป็นแบบนี้แล้ว ตายทั้งขึ้นทั้งล่อง ไม่เท่านั้นยังทำตัวเป็นศาลด้วยนะครับสำนักพุทธฯ บอกเลยคดีรถหรูสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ทำเป็นมือรับมาเป็นมือสุดท้ายจึงไม่มีความผิดทางกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมเขาทำงานอยู่ กระบวนการยุติธรรมที่ทำอยู่ไม่ได้ทำเพื่อไปแกล้งใคร สิ่งที่ทำทำโดยเปิดเผย กำลังหาหลักฐานว่าใครทำอะไรกฎหมายเป็นอย่างไร ไม่ใช่ว่าห่มผ้าเหลืองแล้วอยู่เหนือกฎหมาย เมื่อกลับมาทบทวนดูย้ำให้เห็นว่าวันนี้ต้องยุบสำนักพุทธฯและจัดตั้งองค์กรขึ้นมาใหม่และผมเรียนย้ำว่ารัฐบาลมีความจำเป็นต้องใช้มาตรา44 สงฆ์คณะนี้จะไม่รับนิมนต์ก็ไม่ต้องนิมนต์ พูดจริงครับ เพราะบุญ กริยาวัตถุ10 อยู่ที่ใจ การประพฤติปฏิบัติของเราเท่านั้นจริงๆ ทาน ศีล ภาวนา
ยุคล : มีการพูดเหมือนกับว่าสงฆ์กลุ่มนี้จะคว่ำบาตรรัฐบาลทำได้ไหมครับ
สนธิญาณ : อยากทำก็ทำครับ ความศรัทธาที่คนไม่มี มากกว่าการที่ไปนุ่งห่มผ้าเหลืองโกนหัวโกนคิ้ว ประชาชนได้ไม่รู้ คนส่วนใหญ่คัดค้านและไม่ยอมรับแล้วไปสรุปข้าง ๆ คู ๆ แบบนั้น ผมถึงเรียนว่าทางเดียวที่ต้องมีในข้อเสนอ ต้องแจกแจงกันเพราะฉะนั้นคืนนี้ติดตามนะครับมี 2 เรื่อง เรื่องนี้กับเรื่องข้อเสนอที่16 เกี่ยวพันกัน เพราะเรื่องคณะสงฆ์อย่างไรก็ถูกโยงไปเรื่องการเมือง แต่เรื่องที่รัฐบาลเสนอข้อที่46 ในการให้มีการแก้ไขหรือปรับปรุงรัฐธรรมนูญซึ่งมีการโจมตีว่ามีการสืบทอดอำนาจเดี๋ยวคืนนี้จะแจกแจงให้ละเอียด