"จตุพร" ฟิวส์ขาด !! หลัง "ลิ่วล้อ" โดนทหารเข้าหิ้วตัว - พร้อมท้าชน หากอยากมีเรื่อง

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

"จตุพร พรหมพันธุ์" ฉุนขาด !! หลังลูกน้องโดนทหารบุกหิ้วตัวถึงบ้าน ชี้อย่าใช้วิธีแบบกองโจร พร้อมให้มาหาเรื่องกับตน อย่าไปยุ่งกับคนที่ไม่เกี่ยวข้อง - แนะผู้บัญชาการ ใช้พระเดชมากกว่าพระคุณ จะทำให้บรรลัยเหมือนในอดีต !!

 

วันนี้ (27 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการมองไกล โดยระบุว่า เมื่อเช้าตรู่วันนี้ (27 เม.ย.) กำลังทหารได้บุกไปรวบตัวนายนพเก้า คงสุวรรณ และน.ส.วรารัตน์ เหม็งประมูล จากบ้านพัก ขณะนี้ยังไม่ปรากฏว่า นำตัวไปยังสถานที่ใด จึงขอให้ปล่อยตัวออกมาโดยเร็ว

 

 

นายจตุพร ระบุว่า นายนพเก้า และ น.ส.วรารัตน์ เป็นผู้ทำงานดูแลเฟซบุ๊ก "จตุพร พรหมพันธุ์" จึงเป็นคนของตนเอง เมื่อเล่นงานคนของตนแล้ว เท่ากับต้องการเล่นงานตน หากทหารอยากหาเรื่อง ให้มาหาเรื่องกับตนอย่าใช้วิธีการแบบโจรไปอุ้มคนไม่รู้เรื่อง เล่นต่อยใต้เข้มขัด โดยไม่แจ้งข้อหา และให้บอกมาว่า นำตัวไปไว้ที่ใด จะได้ไปเยี่ยม

 

 

"ผมขอให้เสียงนี้ไปถึงผู้บังคับบัญชา และผู้ใต้บังคับบัญชาที่มาอุ้มคนของผมไปไว้ที่ไหน ถ้าจะดำเนินคดีควรแจ้งข้อหาว่าอะไร ทหารไม่ควรใช้วิธีการการแบบกองโจร มาจับคนไปทรมาน รีดข้อมูลแล้วส่งตัวให้ตำรวจ ถ้าเขาผิดก็ควรดำเนินคดีตามกฎหมาย ดังนั้น การมีอำนาจ จนลุอำนาจ หรือใช้แต่พระเดชมากกว่าพระคุณ ถ้าไม่ใช้ธรรมแล้ว จะทำให้เกิดบรรลัยมามากในอดีต" นายจตุพร กล่าว

 

 

ส่วนเอกสารของทหารเผยแพร่ผ่านโซเซียลมีเดีย โดยระบุที่มาจาก "สำนักงานสัสดีจังหวัดนครสวรรค์" ที่ไปแจกจ่ายเชิญชวนให้ประชาชนรับร่างรัฐธรรมนูญนั้น นายจตุพร กล่าวว่า พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ควรตรวจสอบให้แน่ชัดด้วยว่าเป็นเอกสารเท็จหรือจริงอย่างไร ถ้าเป็นเอกสารจริงแล้ว ย่อมขัดต่อมาตรา 9 ของกฎหมายประชามติอย่างชัดเจน เพราะเป็นการชี้นำ รวมทั้งตนเชื่อว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่ได้มอบหมายให้ไปดำเนินการเผยแพร่ดัวย ดังถ้าเป็นเอกสารจริงแล้ว ตนจะไปแจ้งจับ

 

 

นายจตุพร ยังกล่าวถึงข้ออ้างเพื่อเป็นกลางในการอธิบายเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ความเป็นกลางไม่มีอยู่จริง เพราะการทำประชามติมีเพียงทางเลือกว่า รับกับไม่รับเท่านั้น เมื่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สามารถชี้แจงสิ่งที่เชื่อว่าดีโดยไม่อธิบายข้อเสียของร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงแล้ว จะเป็นกลางไม่ได้ สิ่งสำคัญ กฎหมายห้ามฝ่ายเห็นต่างชี้แจง จึงเป็นการเอาเปรียบซึ่งหน้า ดังนั้น ถ้า กกต.อนุญาตให้นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. และสนช.ได้ ต้องให้พวกตน รวมทั้งทุกฝ่ายที่เห็นต่างได้อธิบายเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่สามารถยอมรับได้ด้วย โดยการอธิบายนั้น จะไม่ไปชี้นำการใช้สิทธิ์ทำประชามติทั้งสิ้น

 

 

"เมื่อไม่ให้พูดข้อเสียแล้ว คงต้องทำหน้าที่จับโกงอย่างเดียว แล้วส่งให้ กกต.ดำเนินการ ถ้า กกต.ไม่ทำก็จับ กกต. ดูสิว่าใครจะกล้าทำ ดังนั้น คสช.ต้องให้ความร่วมมือ อย่ามาพูดว่า ไม่มี เหมือนการจ้างล็อบบี้ยิสต์ กลับไปเชื่อข้อมูลจากสำนักข่าวอิศรา แต่กรณีการช่วงรับเหมาช่วงโครงการขุดลอกคลองขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) กลับไม่เชื่อ ทั้งที่เป็นข้อมูลจากสำนักข่าวเดียวกัน ดังนั้น ถ้าใครคิดร่วมมือกันโกง เชื่อว่าอำนาจอยู่ยั้งยืนยงก็ทำไป และอย่าคิดว่า พวกจับทุจริต การโกงคือการป่วน แต่การโกงคือการป่วน โกงระชามติคือ การทำลายชาติ อย่าปล่อยให้ลอยนวล วัดกันสักตั้ง ภาะหน้าที่ของเราคือการจับโกง" นายจตุพร กล่าว

 

 

นายจตุพร กล่าวว่า การเชิญกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) และองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) หรือองค์กรระหว่างประเทศทุกแห่งมาสังเกตการณ์การทำประชามติ เพื่อต้องการให้กระบวนการตั้งใจโกงประชามติเกิดความหวั่นเกรง แล้วหยุดกระทำทุจริตตามที่คิดไว้กันบ้าง ดังนั้น การทำประชามติภายใต้การสังเกตการณ์ขององค์กรระหว่างประเทศจะเต็มไปด้วยเจตนาบริสุทธิ์ตามความต้องการของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.อย่างแท้จริง กระทั่งสามารถนำไปอ้างได้ว่า แม้อยู่ใต้อำนาจรัฐประหารของทหาร แต่ยังมีความบริสุทธิ์ ไม่มีโกง

 

 

อย่างไรก็ตาม การพยายามปกปิดร่างรัฐธรรมนูญจากทุกฝ่ายที่มีอำนาจรัฐนั้น คงเกิดจากความกลัวจะมีใครล่วงรู้ส่วนเสีย จึงได้อธิบายแต่สิ่งดีจนผิดสังเกต พฤติกรรมเช่นนี้ ยิ่งทำให้คนสงสัยกันมากขึ้น ตนจึงขอให้ นายมีชัย กรธ. และ สนช.ได้กล้าอธิบายรัฐธรรมนูญต่อหน้าฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย เพราะจะได้ชี้แจงให้ประชาชนรู้ว่า ถูกบิดเบือนหรือไม่ อย่างไร

 

 

นายจตุพร เชื่อว่า ถ้าให้แต่ละฝ่ายได้แสดงความเห็นแล้ว เสียงรับหรือไม่รับจะไม่ทิ้งห่างกันมากนัก แต่เมื่อให้อธิบายเพียงฝ่ายเดียวแล้ว ประชามติไม่รับจะมีถล่มทลาย เพราะคนไทยไม่ชอบการกดข่ม ยิ่งกดจะเพิ่มแรงต้านโต้กลับอย่างมาก กรณีของพม่าเป็นบทเรียนที่ดีและชัดเจนเป็นรูปธรรม

 

 

"ถ้าผลลัพธ์ทำประชามติเป็นไปด้วยความฉ้อฉลจะกลายเป็นเรื่องอื่นไปทันที หากมีการโกงแล้วจะทำให้ล้มเร็วกว่า ผมจึงไม่กลัวการโกง เพราะถึงที่สุดต้องถูกจับได้ ประชาชนควรสบายใจอย่ากลัวการโกง แต่อย่าปล่อยให้เกิดการโกง ดังนั้น รัฐใดมีการโกงประชาชนจะพินาศย่อยยับ" นายจตุพร กล่าว