กราบหลวงปู่สีฉันทสิริพระอริยเจ้า๗แผ่นดินแห่งวัดเขาถ้ำบุญนาคเกจิที่มีอายุยืนถึง๑๒๘ปีหลังละสังขารสรีระไม่เน่าเปื่อยร่างแข็งเหมือนหิน??

ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th/

 

หลวงปู่สี ฉันทสิริ ชาติภูมิ ท่านเป็นชาวอำเภอรัตนะ จังหวัดสุรินทร์ เกิดเมื่อปีจอ พ.ศ.๒๓๙๒ ตรงกับสมัยของรัชกาลที่๔ เมื่ออายุ ๒๑ ปี ท่านถูกเกณฑ์เข้ารับราชการทหาร เมื่อปลดจากการเป็นทหารแล้วท่านก็มายึดอาชีพค้าวัว ค้าควาย และเป็นพรานอยู่แถว ช่องแค-ตาคลี ซึ่งแต่เดิมมีสภาพเป็นป่าดงดิบ และยังไม่ได้ตั้งเป็นอำเภอตาคลี เมื่อมีการใช้นามสกุลขึ้น ตระกูลของท่านก็ใช้นามสกุลว่า “ดำริ” ชีวิตตอนเป็นหนุ่ม ท่านเป็นคนจริงไม่เคยเกรงกลัวใคร

 

ท่านใช้ชีวิตความเป็นหนุ่มอยู่นานหลายปี จนกระทั่งบังเกิดความเบื่อหน่ายทางโลก จึงได้อุปสมบท โดยท่านบอกว่า ท่านบวชที่วัดบ้านเส้า อำเภอบ้านเส้า (อำเภอบ้านหมี่ ในปัจจุบัน) โดยมีพระครูธรรมขันธ์สุนทร เป็นพระอุปัชฌาย์ ส่วนคู่สวดท่านไม่ได้บอกว่ามีพระอาจารย์รูปใดบ้าง เมื่อบวชได้ระยะหนึ่งท่านได้เดินทางมาจำพรรษาอยู่ที่ ถ้ำเขาเสียบ เขตตำบลช่องแค อำเภอตาคลี เพราะว่าก่อนบวชท่านเคยอยู่ในเขตนี้มาก่อน

 

กราบหลวงปู่สีฉันทสิริพระอริยเจ้า๗แผ่นดินแห่งวัดเขาถ้ำบุญนาคเกจิที่มีอายุยืนถึง๑๒๘ปีหลังละสังขารสรีระไม่เน่าเปื่อยร่างแข็งเหมือนหิน??

 

หลวงปู่ท่านถือปฏิบัติในการออกธุดงค์ ตลอดเวลาที่ท่านยังมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ท่านบอกว่าท่านธุดงค์ไปทั่วประเทศไทย จากเหนือถึงใต้ ตะวันออกถึงตะวันตก ท่านไปมาทั้งหมดเคยธุดงค์ไปฝั่งประเทศลาว จำพรรษาอยู่ในประเทศลาวหลายปี ธุดงค์เข้าประเทศพม่าเลยไปประเทศอินเดีย ไปนมัสการสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา ท่านยังเล่าว่ามีอยู่ครั้งหนึ่ง ท่านธุดงค์ไปภาคเหนือ เพื่อจะไปนมัสการพระบาทสี่รอย เมืองเชียงตุง ประเทศพม่า ท่านเดินหลงป่าไม่ได้ฉันอะไรเลยเป็นเวลา ๗ วัน จนรุ่งเช้าของวันที่ ๘ มีช้างป่านำหัวบัว และอ้อยมาถวายท่าน (ไม่ทราบว่าเป็นเทวดา หรือว่าเทวานุภาพดลใจให้ช้างนำมาถวาย ?)

 

ท่านจึงนำหัวบัวต้มกับน้ำอ้อยฉัน และช้างยังเดินนำทางท่านไปจนพบกับบ้านของชาวบ้านป่า ท่านเล่าว่า ท่านเดินธุดงค์อยู่ในป่าแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ พบชายหญิงกำลังกินอะไรกันอยู่ ท่านจึงเดินไปถามว่า ทำอะไรกันอยู่หรือ ทั้งสองก็ตอบหลวงปู่ว่ากำลังกินยาอายุวัฒนะกันอยู่แต่หลวงพ่อมาช้าไป ยาหมดเสียแล้วจะมีเหลืออยู่ก็ตามใบไม้เท่านั้นเอง และทั้งสองคนก็เก็บยาที่ติดอยู่ตามใบไม้ให้ท่านฉัน ซึ่งมีอยู่เล็กน้อยเท่านั้น ท่านบอกว่าที่ท่านมีอายุยืนก็เพราะยานี้แหละ และยานี้ยังทำให้ท่านมีร่างกายแข็งแรง ไม่หลงลืมเหมือนคนแก่ทั่วๆไป

 

กราบหลวงปู่สีฉันทสิริพระอริยเจ้า๗แผ่นดินแห่งวัดเขาถ้ำบุญนาคเกจิที่มีอายุยืนถึง๑๒๘ปีหลังละสังขารสรีระไม่เน่าเปื่อยร่างแข็งเหมือนหิน??

 

ในการออกธุดงค์ของหลวงปู่นั้น หลานชายของท่านคนหนึ่งเคยติดตามไปด้วย ได้เล่าให้ฟังว่า ขณะนั้นยังเป็นสามเณรได้ติดตามหลวงปู่ไปนมัสการพระพุทธบาทจังหวัดสระบุรี ค้างคืนที่พระพุทธบาท รุ่งเช้าพอฉันอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลวงปู่ก็พาออกเดินทางกลับตาคลีทันที โดยหลวงปู่บังคับให้ผู้เล่าเดินออกหน้าตลอดเวลา หลวงปู่จะเป็นคนเดินท้ายปรากฏว่ามาถึงตาคลีเป็นเวลาฉันอาหารเพลพอดี ซึ่งระยะทางจากพระพุทธบาทมาถึงตาคลีให้เดินเก่งอย่างไร ก็ไม่สามารถที่จะเดินถึงได้ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน แต่หลวงปู่พาเดินได้

 

หลวงปู่สีท่านป่วยด้วยโรคต่อมลูกหมากบวม โดยเข้าโรงพยาบาลเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๑๙ และเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลอยู่ ๒-๓ ครั้ง พอถึงปลายเดือน ๓ ท่านก็บอกกับพระเณรในวัดว่า เดือน ๔ ท่านจะไปแล้ว ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้น ท่านมรณภาพในวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๐ เวลา ๓ โมงเย็น ตรงกับ วันขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๔ อายุ ๑๒๘ ปี หลังจากที่ท่านละสังขาร ร่างสรีระของท่านกับไม่เน่าเปื่อยแข็งเป็นดั่งหิน เป็นสีเหลืองทอง

 

กราบหลวงปู่สีฉันทสิริพระอริยเจ้า๗แผ่นดินแห่งวัดเขาถ้ำบุญนาคเกจิที่มีอายุยืนถึง๑๒๘ปีหลังละสังขารสรีระไม่เน่าเปื่อยร่างแข็งเหมือนหิน??

กราบหลวงปู่สีฉันทสิริพระอริยเจ้า๗แผ่นดินแห่งวัดเขาถ้ำบุญนาคเกจิที่มีอายุยืนถึง๑๒๘ปีหลังละสังขารสรีระไม่เน่าเปื่อยร่างแข็งเหมือนหิน??