- 06 ธ.ค. 2559
ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th
ว่าด้วยเรื่อง 'อรัญวาสี-คามวาสี'
เป็นมหามงคล "รัชกาลที่ ๑๐" และเป็นบุญประเทศยิ่ง ที่เมื่อวาน (๕ ธ.ค.๕๙)"สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร" รัชกาลที่ ๑๐ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช" รัชกาลที่ ๙ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสถาปนาเลื่อน-แต่งตั้งสมณศักดิ์พระเถรานุเถระ ๑๕๙ รูป
ในจำนวน ๑๕๙ รูปนั้น ที่ยังความปลาบปลื้มยินดีให้บังเกิดแก่พุทธศาสนิกชนเป็นพิเศษ ก็ดังความที่ "ราชกิจจานุเบกษา" เผยแพร่ประกาศสถาปนาสมณศักดิ์ เมื่อวาน ดังนี้
" สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า โดยที่ทรงพระราชอนุสรณ์คำนึงถึง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระบรมชนกนาถซึ่งเสด็จสวรรคตเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ ว่า ทรงเป็นพุทธมามกะ และอัครศาสนูปถัมภก ทรงใส่พระราชหฤทัยในการทะนุบำรุงและสืบทอดพระพุทธศาสนา โดยทรงพระกรุณาโปรดสถาปนา เลื่อนและตั้งสมณศักดิ์ถวายแด่พระสังฆาธิการ ซึ่งดำรงในสมณคุณ มีอุปการะยิ่งแก่การพระศาสนาเป็นประจำทุกปี
บัดนี้ เพื่อเป็นการบำเพ็ญพระราชกุศลถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
จึงสมควรจะสถาปนาอิสริยยศและเลื่อนอิสริยฐานันดรพระสงฆ์ที่ดำรงอยู่ในสมณคุณ และมีอุปการะยิ่งแก่การพระศาสนาดังกล่าวสูงขึ้นเพื่อจักได้บริหารพระศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสถาพร ตามโบราณราชประเพณีสืบต่อไป
จึงทรงพระกรุณาโปรดสถาปนา
๑.พระพรหมคุณาภรณ์ ขึ้นเป็น สมเด็จพระราชาคณะ มีราชทินนามตามที่จารึกในสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ญาณอดุลสุนทรนายก ปาพจนดิลก วรานุศาสน์ อารยางกูรพิลาสนามานุกรม คัมภีรญาณอุดมวิศิษฏ์ ตรีปิฎกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสีอรัญวาสี สถิต ณ วัดญาณเวศกวัน จังหวัดนครปฐม มีฐานานุศักดิ์ ตั้งฐานานุกรมได้ ๑๐ รูป
๒.พระธรรมวราจารย์ ขึ้นเป็น พระราชาคณะเจ้าคณะรอง มีราชทินนามตามที่จารึกในหิรัญบัฏว่าพระสุธรรมาธิบดี ปูชนียฐานประยุต มงคลวุฒคณาทร บวรศีลาจาร ศาสนภารธุราทร ธรรมยุตติกคณิสสรบวรสังฆาราม คามวาสี สถิต ณ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร พระอารามหลวง กรุงเทพมหานคร มีฐานานุศักดิ์ ตั้งฐานานุกรมได้ ๘ รูป
๓.พระธรรมสุธี ขึ้นเป็น พระราชาคณะเจ้าคณะรอง มีราชทินนามตามที่จารึกในหิรัญบัฏว่าพระธรรมปัญญาบดี ศรีสังฆวรนายก มหาจุฬาลงกรณดิลกสุพพิธาน นายกสภาบริหารบัณฑิตปริยัติกิจวรธาดา มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี สถิต ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร พระอารามหลวง กรุงเทพมหานคร มีฐานานุศักดิ์ ตั้งฐานานุกรมได้ ๘ รูป
๔.พระธรรมมังคลาจารย์ ขึ้นเป็น พระราชาคณะเจ้าคณะรอง มีราชทินนามตามที่จารึกในหิรัญบัฏว่า พระพรหมมงคล ภาวนาโกศลสุพพิธาน วิปัสสนาบริหารพิสุทธิ์ ปาวจนุตตมานุศาสน์คัมภีรญาณพิลาสธำรง มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี สถิต ณ วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร พระอารามหลวง จังหวัดเชียงใหม่ มีฐานานุศักดิ์ ตั้งฐานานุกรมได้ ๘ รูป
ขออาราธนาพระคุณผู้ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณฐานันดร เพิ่มอิสริยยศ ในครั้งนี้ จงรับธุระพระพุทธศาสนา เป็นภาระสั่งสอน ช่วยระงับอธิกรณ์ และอนุเคราะห์พระภิกษุสามเณรในคณะและในพระอาราม ตามสมควรแก่กำลัง และอิสริยยศซึ่งพระราชทานนี้ และจงเจริญอายุ วรรณ สุข พลปฏิภาณ คุณสารสิริสวัสดิ์ จิรัฏฐิติ วิรุฬหิไพบูลย์ ในพระพุทธศาสนาเทอญ
ประกาศ ณ วันที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ เป็นปีที่ ๑ ในรัชกาลปัจจุบัน
ผู้รับสนองพระราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี"
ครับ...สมณศักดิ์ของสงฆ์ไทย ทั้งหมดมี ๙ ชั้น ๒๑ อันดับ ที่ควรสนใจระดับปกครองคณะสงฆ์ ก็ชั้น ๑ สกลมหาสังฆปริณายก เป็นตำแหน่งสังฆราช ชั้น ๒ มหาสังฆนายก เจ้าคณะใหญ่ ชั้นสุพรรณบัฏคือสมเด็จพระราชาคณะ มี ๔ ตำแหน่ง คือพระพุทธโฆษาจารย์, พระวันรัต, พระพุทธาจารย์, มหาวีรวงศ์ ชั้น ๓ พระราชาคณะเจ้าคณะรอง มี ๒ อันดับคือพระราชาคณะเจ้าคณะรอง ชั้นหิรัญบัฏ
เอาเท่านี้พอ..........จะเห็นว่า "สมเด็จพระราชาคณะ" ชั้นสุพรรณบัฏที่ "พระพรหมคุณาภรณ์" หรือท่านเจ้าคุณประยุทธ์ ปยุตฺโต ได้รับสถาปนาราชทินนามตามที่จารึกว่า "สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์" นั้น รองลงมาจากสมเด็จพระสังฆราช สูงกว่าพระราชาคณะเจ้าคณะรองในชั้น "หิรัญบัฏ" และโปรดสังเกต..........ราชทินนามตามจารึกในสุพรรณบัฏว่า "สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ญาณอดุลสุนทรนายก ปาพจนดิลก วรานุศาสน์ อารยางกูรพิลาสนามานุกรม คัมภีรญาณอุดมวิศิษฏ์ ตรีปิฎกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสีอรัญวาสี สถิต ณ วัดญาณเวศกวัน จังหวัดนครปฐม" นั้น ระบุทั้ง "คามวาสีและอรัญวาสี"
"อรัญวาสี-คามวาสี" คืออะไร หลายท่านอาจอยากทราบ? ทั้ง ๒ อย่างนั้น ใช้เป็นสร้อยนามสมณศักดิ์ สำหรับระดับพระราชาคณะขึ้นไปเท่านั้น เพื่อบ่งบอกว่า "อรัญวาสี" หมายถึงพระราชาคณะรูปนั้น เป็นพระป่า วัตรปฏิบัติจะมุ่งเน้น ๒ อย่าง คือการเจริญจิตภาวนาด้วยวิปัสสนากรรมฐาน และสอนคนให้เดินอยู่ในเส้นทางศีล-สมาธิ-ปัญญา ไม่เน้นงานด้านบริหารปกครองคณะสงฆ์
"คามวาสี" หมายถึงพระราชาคณะรูปนั้น เป็นพระบ้าน คือพระในเมือง มุ่งงานด้านบริหารปกครอง ก่อสร้าง พัฒนา ด้านวัตถุ ด้านปริยัติ งานสวด งานเผา งานแต่ง ก็ต้องพระคามวาสีเป็นหลัก
สรุป พระอรัญวาสี มุ่งพัฒนาจิต พระคามวาสี มุ่งพัฒนาวัตถุ นี่เป็นหลักกว้างๆ เมื่อทราบหลักเช่นนี้แล้ว ก็ลองย้อนขึ้นไปดูราชทินนาม "สมเด็จพระราชาคณะ" คือสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ และพระราชาคณะเจ้าคณะรอง อีก ๓ รูปดู ก็จะทราบว่า รูปไหนเป็นพระป่า-พระบ้าน
"สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์" มีทั้งคำว่า "อรัญวาสี" และ "คามวาสี" หมายถึง นับต่อจากนี้ เมื่อได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น "สมเด็จพระราชาคณะ" รูปแรกและรูปเดียว เป็นปฐมแห่งแผ่นดินรัชกาลที่ ๑๐ แล้ว จากที่มุ่งทางอรัญวาสีแต่เดิม ก็จะต้องรับธุระด้าน "คามวาสี" คืองานปกครองคณะสงฆ์ควบคู่ไปด้วย ตามคำประกาศ ดังปรากฏในราชกิจจา ว่าด้วยการสถาปนาสมณศักดิ์ความเบื้องต้นว่า "เพื่อจักได้บริหารพระศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสถาพร ตามโบราณราชประเพณีสืบต่อไป"
และความเบื้องปลาย ว่า..........."จงรับธุระพระพุทธศาสนา เป็นภาระสั่งสอน ช่วยระงับอธิกรณ์ และอนุเคราะห์พระภิกษุสามเณรในคณะและในพระอารามตามสมควรแก่กำลัง และอิสริยยศซึ่งพระราชทานนี้"
ทีนี้มาดู พระราชาคณะเจ้าคณะรอง ในชั้นหิรัญบัฏ อีก ๓ รูป
พระสุธรรมาธิบดี วัดบวรฯ กทม.
พระธรรมปัญญาบดี วัดมหาธาตุ กทม.
พระพรหมมงคล วัดศรีจอมทอง เชียงใหม่
เห็นชัด ว่าทั้ง ๓ รูป เป็นพระบ้าน คือพระทำหน้าที่ด้านคันถธุระ หมายถึงงานทางบริหาร-ปกครอง เพราะจารึกในหิรัญบัฏระบุ "คามวาสี" อย่างเดียว มีบางคนเข้าใจว่า คามวาสี ใช้กับพระมหานิกาย และอรัญวาสี ใช้กับพระฝ่ายธรรมยุต ไม่น่าถูกต้องนะ
ดูตัวอย่างนี่ก็ได้ "สมเด็จพระญาณสังวร" สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร ฝ่ายธรรมยุต จารึกในสุพรรณบัฏ มีคำว่า "คามวาสี อรัญวาสี"
เพราะพระองค์ทรงปฏิบัติทั้งวิปัสสนาธุระ ทั้งทรงทำหน้าที่ปกครองคณะสงฆ์ อันเป็นฝ่ายคันถธุระ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำ ซึ่งเป็นฝ่ายมหานิกายก็เช่นกัน นามตามจารึกในสุพรรณบัฏ ก็มี "คามวาสี อรัญวาสี" ในตำแหน่ง "สมเด็จพระราชาคณะ" ซึ่งต้องปกครองคณะสงฆ์ ก็ต้องทำหน้าที่ทั้งด้านพระป่าและพระบ้าน
วันนี้ "มึนตึ้บ" อ่านไม่รู้เรื่องกันใช่มั้ย ผมเองยังมึนเลย! แต่รู้ไว้บ้างก็ดี ........เพราะนี่เป็นครั้งแรกในวงการสงฆ์ ที่พระจากวัดราษฎร์ คือ "วัดญาณเวศกวัน" ทั้งเป็นพระป่า คือท่านเจ้าคุณประยุทธ์ ได้รับสถาปนาขึ้นระดับสมเด็จพระราชาคณะที่ "สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์" มาทำหน้าที่พระบ้านอีกด้านหนึ่ง
และรู้ไว้ด้วยก็ไม่น่าเสียหาย..........ในการสถาปนาเลื่อน-แต่งตั้งสมณศักดิ์ ปี ๕๙ นี้ ในจำนวน "พระราชาคณะชั้นสามัญ" ๘๗ รูป อันดับที่ ๖๘ "พระมหาโชว์" วัดศรีสุดาราม ที่คุ้นๆ หน้าจากเวทีเสื้อแดง ได้เป็นเจ้าคุณด้วยที่ "พระสุธีวีรบัณฑิต"
ขอท่านเจ้าคุณโชว์จงงอกงามในกรรม
เรียบเรียงโดย : ศิริพงศ์ สำนักข่าวทีนิวส์
ขอบคุรข้อมูล : เปลว สีเงิน นสพ.ไทยโพสต์



