- 16 ธ.ค. 2559
ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th
ลางล่มสลาย "อาณาจักรจานบิน"
ใช้ตำราเล่มเดียวกันเป๊ะ! ปฏิบัติการ "แข็งเมือง" ของรัฐจานบิน ไปถึงขั้นร้อง UN แล้วเมื่อวาน (๑๕ ธ.ค.๕๙) ยังเหลือ "สาดเลือด-เผาเมือง" ก็ครบหลักสูตร "แดงทั้งแผ่นดิน"
วันนี้ (๑๖ ธ.ค.) จะเข้าค้น-เข้าจับมั้ย...........? เพราะพอตะวันตกดิน หมายค้นในมือตำรวจ จาก ๑๓-๑๖ ธ.ค. ก็หมดอายุ
แต่ไม่มีปัญหา หมดขอใหม่ได้ เห็นว่าทางตำรวจก็ได้มาเรียบร้อยแล้วด้วย! พูดถึงปัญหา เมื่อมาถึงขั้นตอนนี้......ประเด็น "จับ-ไม่จับ" ผมว่า ไม่น่าใช่ปัญหาแล้ว
ประเด็น "ธัมมชโย" ยังนอนแขวนตีนรอให้จับอยู่ในนครรัฐจานบินขณะนี้หรือไม่ นี่ตะหาก ที่น่าเป็นปัญหาตอนนี้?เป็นปัญหาที่ฝ่ายตำรวจ-ดีเอสไอ ต้องวิเคราะห์จากข้อมูลให้แตก ไม่งั้น ตำรวจ-ดีเอสไอเองนั่นแหละ เป็นฝ่าย "หน้าแหก"!
นครรัฐจานบินนั้น พื้นที่เป็นพันไร่ แค่กำแพงก็ยาวกว่าสิบกิโล ใช้เงินเป็นหมื่นๆ ล้านกับสิ่งก่อสร้างมากมาย ในความเป็นเมืองเมืองหนึ่ง ที่ต้องมี ให้ ผบ.ตร.ให้อธิบดี DSI ลองสมมุติตัวเองเป็นสมีโยดูก็ได้ ถ้าไม่มีเป้าหมายอื่น..........นอกเหนือจากความเป็นวัดวัดหนึ่งในพุทธศาสนา และไม่มีขบวนการอื่นๆ ทั้งลับ-ทั้งแจ้ง เป็นแนวร่วม จำเป็นต้องทำ อย่างที่สมีโยทำ "ในคราบพระ" มาโดยตลอดมั้ย?
เมื่อมี Hidden Agenda สร้างวัดเป็นอาณาจักร รองรับแผนการข้างหน้า มีค่ายคูประตูรบ กระทั่งหอสังเกตการณ์ก็ครบ ขนาดนี้ จะซื่อบื่อถึงขนาด ไม่ทำอะไรที่เป็น "ช่องคู-ประตูลับ" ไว้เป็นทางหนีทีไล่ยามฉุกเฉิน-คับขัน สำหรับตัวเองบ้างเชียวหรือ? รัฐหรืออาณาจักรจานบิน ถ้าจะเทียบในความหมาย ก็น้องๆ ประเทศสิงคโปร์!
เมื่อมองในภาพนี้ "ทั้งประเทศ" มันต้องไม่มีแค่ประตู ๗-๘ ประตู ที่พระมั่ง ตำรวจมั่ง นักข่าวมั่ง ไปจุก-รอจับ กันอยู่แค่นั้นแน่ ยิ่งฟังทิดองอาจ โล้นสนิทวงศ์ โล้นนพพร เล่นลิ้น........เดี๋ยวว่า "พระเดชพระคุณหลวงพ่อยังอยู่ที่วัด หลวงพ่อไม่มีหนังสือเดินทาง จะไปที่ไหนได้"
อีกวันพูดใหม่........"ไม่ยืนยันว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อยังอยู่ภายในวัดหรือไม่ เพราะผมก็ไม่ได้กราบมานานกว่า ๖ เดือนแล้ว" แน่ะ....ชักแววออกที่วงหาง! เผอิญในช่วง ๓-๔ เดือนที่ผ่านมา บ้านเมืองมีหลายเรื่องให้ทั้งรัฐ-ทั้งราษฎร์ ต้องไปเอาใจใส่ดูแล เรื่องสมีโย แทบลืมกันไปเลย!
พูดกันตรงๆ ช่วงนั้น ต่อให้สมีโยลากตีนจากเตียง เดินไปโบกแท็กซี่หน้าถนนใหญ่ ก็ไม่มีใครไปรู้-ไปเห็น ก็อย่างที่บอก ให้สมมุติตัวเองเป็นสมีโย ช่วงปลอดความสนใจทั้งฝ่ายบ้านเมืองและฝ่ายชาวบ้านอย่างนั้น เป็นเราเอง...ก็ฉวยโอกาสเผ่น.........จะแขวนตีนรอตะรางแทนดุสิตบุรีให้โง่ทำไม...จริงมั้ย?
เพราะอย่างนี้ ถ้านำการจัดทัพรับหน้าตำรวจ-ดีเอสไอในคราวแรก มาเทียบกับคราวนี้ จะเห็น "ทัพจริง-ทัพลวง" ได้ชัดคราวแรกเมื่อเดือน มิ.ย.ตอนนั้น สมีโยตัวเป็นๆ ซ่อนตัวอยู่ในนครรัฐจานบินแน่ วัดได้จากการ ระดมพล ระดมพระ และโจร ปฏิบัติการขัดขวาง พร้อมปะทะ ขึงขัง-จริงจัง ต่อเนื่อง แต่คราวนี้ ระดมพลจัดทัพแบบหลวมๆ.......การประจำจุดตามค่ายคูประตูรบ ก็งั้นๆ กองทัพโล้น โกนหัวมา "สวดเอาซอง" ก็มาพอเป็นพิธี แล้วสลายหัว
ประเมินแล้ว นครรัฐจานบิน จัดทัพ ตั้งค่ายกล "ลวง" ฝ่ายตำรวจ-ดีเอสไอมากกว่า ถ้าตัวเป็นๆ ยังอยู่ เสนาธิการจานบินต้อง "จัดเต็ม" มากกว่าครั้งแรกด้วยซ้ำ เพราะครั้งแรก มีแค่ดีเอสไอฝ่ายเดียว
แต่คราวนี้ ดีเอสไอเสริมใยเหล็ก ด้วยตำรวจ..........แถม "เส้นตาย" เส้นเบ้อเร่อ! น่าตกใจกว่าครั้ง สงคราม ๙ ทัพ ที่พระเจ้าปดุง กษัตริย์กรุงอังวะ ส่งมาจากทิศานุทิศ หมายขยี้ไทยเป็นผุยผง ในคราวเดียวกันซะอีก แต่เห็นมั้ย ทั้งขุนพลองอาจ ขุนพลนพพร ขุนพลสนิทวงศ์ ตั้งรับด้วยสีหน้า ท่าทาง ปลอดโปร่ง-สบายใจ
ก็พอประเมินได้ว่า..........ข้างในจานบิน "โบ๋เบ๋" พระเดชพระคุณหลวงพ่อตีนโต หนีไปนอน "ขัดหัว-โมหน้า" อ้าซ่าอยู่ที่ไหนแล้วก็ไม่รู้! ลงท้าย "ดีเอสไอ-ตำรวจ" จะเข้าตำรา...ไก่ก็ไม่ได้ แต่ต้องเสียข้าวเปลือกไปหลายกำมือ
ไก่ยังอยู่ให้จับก็พอคุ้ม เกรงว่า พอเข้าไปจริงๆ จะเจอแต่หนังสือตัวโตๆ ที่สมีโยเขียนทิ้งไว้หน้ากระจกน่ะซี ว่า..."จ๊ะเอ๋...อาตมาชิงตังเมไปก่อนนะจ๊ะ" แบบนี้ละก็ ติดอันดับ ๑ ใน ๑๐ ข่าวฮาประจำปี ๕๙ ของซูม-ไทยรัฐแหมๆ! เพราะผมดูท่าทีตำรวจ-ดีเอสไอ ไม่บ่งว่ามีหน่วยสอดแนม "ประกบติด" อยู่ข้างในจานบิน เพียงมีความเชื่อ "สมีโยยังนอนรอให้จับอยู่ข้างใน" ก็ไม่รู้นะ "ผมผิด-ตำรวจถูก" ก็ได้...........เพราะสมมุติฐานของผม มาจากเดา แต่ตำรวจ-ดีเอสไอเขามืออาชีพ อะไรที่คนนอกเดา มืออาชีพต้องเหนือกว่าด้วย "ข้อมูล" ไปอีกร้อยชั้นอยู่แล้ว
แต่ในภาพรวม จากครั้งนี้ ไม่ว่าจับได้-ยังไม่จับ หรือหนีไปแล้ว สมีโยและอาณาจักรจานบิน ไม่ล่ม ก็เอียงกะเท่เร่ "ลวงโลก-ลวงคนซื้อบุญ" ได้ยากแล้ว!กระทั่งวงการสงฆ์ที่เคย "ปลื้มซอง" ธรรมกาย มาซ่องสุม-ข้องแวะ เป็นกระดองให้ "เสฉวน-สมีโย" เข้าไปซุกว่าเป็นหน่อพุทธแท้ ก็ค่อยๆ ปลีกห่าง เพราะชาวบ้านจ้องจับตาอย่างหนึ่ง เพราะการเฉโกของสมีโย กระด้างกระเดื่องต่อกฎหมายบ้านเมือง "เห็นชัด" อีกอย่างหนึ่ง เพราะมันชัด........สมีโย ผิดวิสัย "พระผู้มีศีล" ไร้ละอาย ไร้หิริ-โอตตัปปะ แยกแยะผิด-ถูก-ชั่ว-ดี ไม่ได้
การที่ต้องใช้บริการ "เครือข่ายพระสงฆ์นานาชาติในประเทศไทย" ที่ธรรมกายจุนเจือไว้ ให้ไปร้อง UN เมื่อวาน และการพึ่ง "เศษกระดาษ" จากนิกายต่างๆ และองค์กรศาสนาประเทศโน้น-ประเทศนี้ ใต้ใบบุญธรรมกาย เขียนมาสนับสนุน
นั่นเป็นตัวบ่งชี้...........สมีโย-ธรรมกาย กำลังถูกพระสงฆ์ในประเทศที่เคยเป็นแนวร่วม "หันหลังให้" สุดท้าย..."ไพ่ไต๋" แนวร่วม "ใบสุดท้าย" ก็ต้องถูกนำออกมาใช้แล้ว!
โทรทัศน์ แดง-นปช.ต้องทำหน้าที่แทนโทรทัศน์ DMC ของวัดธรรมกาย วันก่อน ไปถ่ายทำสัมภาษณ์นายองอาจถึงในจานบินมาออกจอ เมื่อเช้า ตื่นมาชงกาแฟบ้วนปาก........เปิดช่องแดง นปช. เจอ ๒ คน นางธิดา กับใครอีกคนไม่ได้จำชื่อ กำลังสนทนาเรื่องธรรมกาย
นางธิดาออกตัว เขาพุทธ "สายปัญญา" เป็นเสรีชนในแนวทางเคารพยึดถือสิทธิมนุษยชน ในการพูด ในการทำไม่ใช่พุทธ "สายศีล-สมาธิ"!? อืมมมมม...ผมก็พลอยได้ความรู้ใหม่ ว่ามีพุทธสายปัญญา แถมเป็นคนละสายกับศีล-สมาธิ
ส่วนอีกท่าน ฟังจากที่นางธิดาเรียก น่าจะจบทางกฎหมายหรือเป็นทนาย เขาบอกว่า ตัวเขาไม่ใช่พุทธ เป็นอิสลามิกชนผมเป็นคนไม่เอาศาสนาเป็นเครื่องแบ่งแยกคนและสังคมอยู่แล้ว จึงไม่รู้สึกอะไร แต่อยากออกความเห็นนิด เรื่องพระ-เรื่องศาสนา เมื่อไม่รู้ ไม่เข้าใจ ทั้งเป็นคนนอกศาสนา เลี่ยงที่จะนำมาวิจารณ์ ดีที่สุด
ถึงอ้าง "ไม่อยากลงรายละเอียด" แต่เอาโยงไปด้านสังคม ด้านกฎหมาย ด้านสิทธิเสรีภาพ ด้านการเมือง วิจารณ์ยำไปด้วยกัน ถึงอย่างไร ฟังแล้วก็ไม่เหมาะ!
ก็เข้าใจ ธรรมกาย-สมีโย ที่เป็นแนวร่วมกำลังเดือดร้อน ต้องช่วยกัน เพราะตอนเราเขายังช่วย ก็ไปช่วยกันได้ ไม่มีใครว่า! แต่ฝากข้อคิด คุณเคยเห็นใครในอีกศาสนาหนึ่ง ใช้ความไม่รู้ แล้วเอาการเมือง เอาเจตนาส่วนตัว ไปวิจารณ์เรื่องพระ-เรื่องศาสนาอื่น บ้างมั้ย?
นปช.จะสนับสนุน จะเป็นแนวร่วม จะช่วยสมีโย-ธรรมกาย ก็ว่ากันไปภายใน
แต่ถึงขั้นเอาคน "นอกศาสนา" มาวิจารณ์อีกศาสนาหนึ่งออกโทรทัศน์ ด้วยทัศนะเชิงปฏิปักษ์เช่นนี้
อย่าดีกว่าครับ
เรียบเรียงโดย : ศิริพงศ์ สำนักข่าวทีนิวส์
ขอบคุณข้อมูล : เปลว สีเงิน นสพ.ไทยโพสต์



