“ติดด่านม.44เหรอ อย่าไปบ้าตาม” บิ๊กตู่ซัดตรงๆพระธัมมชโย “อย่าใช้วิกฤตศรัทธาปชช.เป็นเกราะป้องกันตัวเอง” หลายคนยอมรับผิดแต่พวกมันบางคนไม่รับ??

       พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงความคืบหน้าในการเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกาย เพื่อจับกุมพระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย ผู้ต้องหาตามหมายจับ รวมทั้งกรณี น.ส.พัฒนา เชียงแรง อายุ 48 ปีลูกศิษย์วัด ช่วยงานพยาบาลศูนย์รัตนเวชเสียชีวิตวานนี้ ว่า “เขาชี้แจงกันหรือยังว่าเสียชีวิตในวัดตรงไหน ในห้องปิดล็อกหรือไม่ แล้วตายมากี่ชั่งโมงแล้ว คิดบ้างไม่ต้องมาถามผม ส่วนที่อ้างว่าติดด่านมาตรา 44 นั้น ใครจะไม่ให้เข้า ต้องไปดู มันเป็นข้ออ้างแล้วสื่อจะบ้าตามเขาทำไม แล้วสื่อก็เป็นเครื่องมือเขาแบบนี้ ผมชี้แจงไปกี่ใครแล้วจะเอาอะไรอีก ตนไม่เคยไปกำหนดสื่อเลย ตนพูดแล้วชี้แจง แต่ท่านจะมากำหนดผมไม่ได้ จำเอาไว้ ในเมื่อผมแตะท่านไม่ได้ ท่านก็อย่ามาแตะผม

       เขาต้องการปฏิบัติจิตรวิทยา (ไอโอ) เขาพูดความจริงหรือเปล่า ถ้าจริงก็รับ ไม่จริงก็ไม่รับ สื่อต้อไปพูดความจริง ไม่ใช่ไปต่อความยาวสาวความยืด คิดถึงเจ้าหน้าที่ที่เขาทำงานนอนอยู่สามพันคน เขาร้อน คิดถึงลูกเมีย คิดกลับมาทางนี้บ้าง ไม่ใช่ไปทำให้คนผิดกฎหมายตลอด ไปฟังเขาตลอด แก้ปัญหาไม่ได้ ”

       ทั้งนี้เมื่อถามว่าประเมินว่าพระธัมมชโยยังอยู่ในวัดหรือไม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ เขาประเมินว่ายังอยู่ ถ้าไม่อยู่เขาก็คงให้เข้าไปแล้ว ถ้าจะบอกว่าไม่มีคนอยู่ ถ้าไม่อยู่จริงๆ คงให้เจ้าหน้าที่เข้าไปก็จบแล้ว ให้เข้าไปตรวจ เพราะเจ้าหน้าที่ต้องทำงาน จะคุณบอกว่าผิดเล็กผิดหน่อยก็อ้างคนบางคน คนอื่นผิดทั้งเยอะ อ้างอย่างนี้ได้ที่ไหนเข้าทำกัน พฤติกรรมเลียนแบบอย่างนี้ใช้ไม่ได้ อย่าไปขยายความให้เขาแบบนี้ 

 

       และเมื่อถามว่าในการข่าวมีการเมืองอยู่เบื้องหลังหรือไม่ เรื่องนี้พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า  “ ท่านก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นขบวนการอะไร แล้วมาเขียนอะไรตุตะ เยอะไปหมด โถ่ คุณมีของคุณทั้งหมด แต่ต้องการให้ผมตอบกับสิ่งที่มีปัญหากับคนเขา สื่อต้องบอกให้เขาหยุดการต่อต้านเจ้าหน้าที่ ถ้าคิดว่าถูกบริสุทธิ์ก็ออกมาต่อสู้คดีทางกฎหมาย อย่าใช้วิกฤตศรัทธาประชาชนเป็นเกราะป้องกันตัวเอง ถ้าไม่ผิดก็คือไม่ผิด เกิดแบบนี้มากี่ครั้งแล้ว หลายคนก็หนีไปต่างประเทศแล้ว แต่หลายคนที่ทำก็ยอมรับโทษ แต่บางพวกมันไม่รับ ทำอยู่อย่างนี้ เราก็ให้ท้ายอยู่แบบนี้ ผมจำเป็นต้องพูดเพราะเบื่อแล้ว เขาคือคนไทยก็ต้องมีหลักคิด ทำอะไรต้องมีหลักในการคิด อย่าใช้หลักการของสื่ออย่างเดียว

       วันนี้ประเทศกำลังมีปัญหาจะทำกันแบบปกติได้อย่างไร ผมเชื่อว่าทุกท่านมีจรรยาบรรณ คิดเป็น แต่ต้องพยายามลดปัญหาทาให้ผมบ้างให้กฎหมายเจ้าหน้าที่ทำงาน  แต่ท่านไปฟังอีกข้าง เขาพูดมาแล้วสิบเรื่องที่เขาพูดมามันจริงหรือไม่แล้วนำมาเผยแพร่ให้เขาอีก จะให้สงบสุขได้ย่างไร ศาสนาจะปลอดภัย ทำตามคำสอนได้อย่างไร คิดตรงนี้ อย่าคิดว่าผมกำหลังรบกับพระ กำลังทำลายศาสนา ถ้าวิจารณ์กันแบบนี้ ก็ท้อใจเหมือนกัน แต่ถ้าท้อไม่ได้ เพราะยืนตรงนี้ ”

 

       อย่างไรก็ตามเมื่อถามว่าจะเป็นสะพานที่เข็มแข็งหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ สื่อจะไม่เป็นสะพานร่วมกันตนหรือ  จะรอเหยียบอย่าเดียว เห็นแก่ตัวกันหรือไม่ ทุกอย่างมีปัญหาก็เรียกนายก ถ้าไม่ร่วมมือกันพูดอะไรมีปัญหาหมด ถ้าไม่ช่วยสร้างมันจะแข็งแรงได้อย่างไร จะรอแต่ประโยชน์กันอย่างเดียวได้อย่างไร ที่ทำทุกนี้ทำเพื่ออำนาจหรือ ที่พูดทุกวันเพื่อผลประโยชน์หรือ นึกถึงตนบ้าง ไม่ใช่มาไล่ล่ากันทุกวัน  ไล่ล่าคนทำผิด ไม่เช่นนั้นคนดีไม่อยากทำงาน ”

 

 

 

 

เรียบเรียงโดย : ศิริพงศ์ สำนักข่าวทีนิวส์