หมดความโอหังไปเยอะ! "องอาจ-โฆษกผู้ปากดีสำนักจานบิน" โผล่พร้อมทนายแดง รับทราบข้อหาเพิ่ม ปัดไม่เคยปลุกปั่น-แค่พูดความจริงโดยสุจริต?!

ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th

 

หมดความโอหังไปเยอะ! "องอาจ  ธรรมนิทา" โฆษกผู้ปากดีสำนักจานบิน โผล่กองปราบพร้อมทนายแดง-วิญญัติ ชาติมนตรี รับทราบข้อหาเพิ่ม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 (3) เจ้าตัวปัดปัดไม่เคยยุยงปลุกปั่น ให้เกิดความกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ตนแค่พูดความจริงโดยสุจริต เพราะต้องการให้เกิดการแก้ไขให้ถูกต้อง ให้เกิดความสงบเรียบร้อย 

 

วันนี้ (27 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีนายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายกับพวก ถูกศาลอาญาออกหมายจับในความผิดฐานยุยง ปลุกปั่นให้เกิดความกระด้างกระเดื่อง ทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่การกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 (2) ตามคำร้องของพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ในกรณีที่ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วยทีมกฎหมายได้เข้ามาแจ้งความดำเนินคดี และนายองอาจหลบหนีหมายจับไปร่วม 2 เดือน กระทั่งนายองอาจ ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน ที่กองบังคับการปราบปราม เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ที่ผ่านมา

 

ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ ที่กองบังคับการปราบปราม นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย พร้อมด้วยนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัว และเป็นทนายความของแกนนำแดงในคดีต่าง ๆ  ได้เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ศรีสุพรรณ อดทนศรีอนันต์ รองสว. (สอบสวน) กก.2 บก.ป. เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม 

 

 

โดยนายองอาจ กล่าวว่า วันนี้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม หลังทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งว่า เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เข้าแจ้งข้อหาเพิ่มเติมอีก 1 ข้อหา คือ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 (3) โดยมีนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความร่วมเดินทางมาด้วย โดยก่อนหน้านี้ตนได้เคยเข้ามารับทราบกล่าวหาใน มาตรา 116 (2) ไปแล้ว 

 

นายองอาจ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาตนได้ให้การกับพนักงานสอบสวนและนำพยานหลักฐานต่างๆ มามอบให้พนักงานสอบสวนแล้ว ส่วนพฤติการณ์ที่มีการกล่าวหาเพิ่มเติมนั้น จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องเดิมที่เคยมีการกล่าวหา หลังจากนี้ก็คงต้องดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมายต่อไป ตนขอยืนยันอีกครั้งผ่านสื่อมวลชนไปยังพี่น้องประชาชน ว่าการทำหน้าที่ของตนในฐานะโฆษกศิษยานุศิษย์ฯ ในห้วงเวลาที่ผ่านมา ถึงปัจจุบัน ยังยืนยันว่าไม่ได้ปรารถนาเลยที่จะปลุกปั่น ปั่นป่วน ให้ประชาชนละเมิดกฎหมายแผ่นดิน 

 

“การทำหน้าที่ทุกครั้งที่ผ่านมา กระทั่งข้อมูลต่างๆ ที่ได้เคยแถลงข่าวไปนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เชื่อว่าเป็นความจริงโดยสุจริต ไม่ต้องการหมิ่นประมาท หรือต้องการทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นภายในประเทศชาติ แต่ในทางกลับกัน ที่ปรารถนาสูงสุดเลย คือความต้องการให้เกิดการแก้ไขให้ถูกต้อง ให้เกิดความสงบเรียบร้อย แสดงความรู้สึกนึกคิดแทนพี่น้องประชาชนกลุ่มหนึ่งคือคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย”  โฆษกศิษยานุศิษย์วัดธรรมกาย ระบุ

 

นอกจากนี้ นายองอาจ ยังกล่าวด้วยว่า ตนอยากให้เจ้าหน้าที่รัฐได้รับรู้ รับทราบ และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างถูกต้อง จึงต้องขอยืนยันอย่างนี้ และพร้อมจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ส่วนข้อกล่าวหาตามมาตรา 116 (2) นั้น ก็ว่าด้วยการยุยง ปลุกปั่นให้เกิดความกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน เป็นข้อหาเดิม สำหรับข้อกล่าวหาเพิ่มเติม คือความผิดตามมาตรา 116 (3) ก็คือทำให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย ซึ่งตนขอปฏิเสธอีกครั้งว่าไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้นเลย 


ทั้งนี้ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ทำการแจ้งข้อกล่าวหาพร้อมสอบปากคำเพื่อประกอบสำนวนคดี ก่อนที่จะปล่อยตัวกลับ ส่วนสำนวนคดีดังกล่าวเมื่อสมบูรณ์แล้ว ก็จะส่งให้กับอัยการเพื่อดำเนินคดีในชั้นต่อไป

 

อารมณ์ เคนหล้า สำนักข่าว Tnews

 

ขอบคุณภาพบางส่วนจาก : ศศินา  เรืองศรี / สมชาย  จรรยา  ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.กรุงเทพมหานคร