- 18 ก.ค. 2560
ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th
จากกรณีที่จะมีการส่งตัวหลวงปู่เณรคำกลับมาดำเนินคดีในไทย ซึ่งถือเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สร้างความเสื่อมเสียให้กับวงการพระสงฆ์ในเมืองไทย ในวันนี้เราจะมาย้อนดูกันอีกครั้งว่า มีอดีตพระรูปใดบ้างที่ทำให้พระพุทธศาสนา เสียหายมาบ้าง
พระนิกร
พระนิกร เป็นอดีตพระนักเทศน์เสียงทอง หลายคนคงจำชื่อ “พระครูใบฎีกานิกร ธัมมวาที” แห่งวัดสันปง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ได้เป็นอย่างดี ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามใหม่เป็น นายธรรมรัตน์ ยศคำจู โดยเกิดเรื่องราวใหญ่โตเมื่อ พ.ศ.2533 เมื่อพระนิกร มีข่าวฉาวกับนางอรปวีณา ที่ออกมายืนยันความสัมพันธ์กับพระนิกรพร้อมด้วยทายาทในท้อง แต่พระนิกร ยังไม่ยอมถอดผ้าเหลืองแม้จะเต็มไปด้วยหลักฐาน ตั้งแต่จดหมายรัก ภาพถ่าย จนถูกดำเนินคดีทั้งศาลยุติธรรมและศาลสงฆ์ ซึ่งในที่สุดศาลสงฆ์ มีมติระบุความผิดพระนิกรว่า เป็น “ปฐมปาราชิก” คือการเสพเมถุนกับอิสตรี ขาดจากความเป็นพระ แม้จะกลับมาบวชใหม่ก็ไม่สามารถดำรงความเป็นสมณเพศได้ แต่ทั้งนี้อดีตพระนิกร เสียชีวิตด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตก เมื่อคืนวันที่ 11 ก.ย. 2557
พระยันตระ
พระยันตระ อมโร หรือ นายวินัย ละอองสุวรรณ ในปี พ.ศ. 2537 มี สีกา กลุ่มหนึ่งร้องเรียนไปยังกรมการศาสนาว่า “ยันตระ” หรือ “นายวินัย ละอองสุวรรณ” ประพฤติตนไม่เหมาะสมแก่สมณเพศ เพราะได้ไปล่อลวงสีกาชื่อ “จันทิมา มายะรังษี” ไปเสพเมถุนจนตั้งครรภ์ และคลอดบุตรสาวออกมาตั้งชื่อว่า “เด็กหญิงกระต่าย” โดยสีกากลุ่มนี้ได้งัดเอาเทปสนทนาระหว่างพระยันตระกับนางจันทิมาออกมาใช้เป็นหลักฐานด้วย
มติมหาเถรสมาคมพิจารณาอธิกรณ์ปรับให้เขาพ้นจากความเป็นพระภิกษุ เพราะพิจารณาได้ความว่าเขาต้องอาบัติหนักดังที่ถูกฟ้องร้อง แต่นายวินัยไม่ยอมรับมติสงฆ์ดังกล่าว ด้วยการปฏิญาณตนว่ายังเป็นพระภิกษุและเปลี่ยนสีจีวรเป็นสีเขียว ทำให้ถูกสื่อต่าง ๆ ขนานนามว่า จิ้งเขียว, สมียันดะ, ยันดะ เป็นต้น
พระยันตระต้องปาราชิกาธิกรณ์และถูกมติมหาเถรสมาคมลงให้พ้นจากภาวะพระภิกษุ และหลบหนีออกนอกประเทศเมื่อ พ.ศ.2537 ไปอาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาในสถานะผู้ลี้ภัยทางการเมือง
พระอิสระมุนี
พระอิสระมุนี หรือ พระพีระพล เตชะปัญโญ เดิมชื่อ นายบรรหาร อดีตเจ้าอาวาสวัดธรรมวิหารี อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี เป็นพระสงฆ์สายวิปัสสนา ซึ่งเป็นที่นับถือเลื่อมใสจากอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร และ พจมาน ชินวัตรเป็นอย่างมาก
พระอิสระมุนีตกเป็นข่าวว่าต้องปาราชิก หลังจากมีเพศสัมพันธ์กับสีกาคนสนิท ถูกเปิดเผยเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2544 จากการสืบสวนของทีมงานรายการถอดรหัส ทางสถานีโทรทัศน์ไอทีวีในขณะนั้น ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม มีหลักฐานเป็นจดหมายเขียนถึงสีกาสาว 10 หน้ากระดาษและเทปสนทนาทางโทรศัพท์ ซึ่งพระอิสระมุนีก็ได้สึกจากสมณเพศในทันที ทำให้เจ้าตัวต้องเผ่นออกจากวัดป่าละอู แอบไปหนีสึกอยู่ในพื้นที่จ.สระแก้ว ปิดฉากความเป็นอาจารย์ของตระกูล”ชินวัตร”ลงอย่างสิ้นเชิง
พระภาวนาพุทโธ
พระภาวนาพุทโธ หรือนายจำลอง คนซื่อ พระธุดงค์นักพัฒนาที่โด่งดังในการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน อดีตเจ้าอาวาสวัดชื่อดัง ใน จ.นครปฐม ถูกดำเนินคดีข่มขืนบรรดาเด็กสาวชาวเขา ที่มาพักอาศัยภายในวัด
ย้อนกลับไปเมื่อ ต้นเดือน ส.ค.2538 เมื่อมีบรรดาญาติของเด็กหญิงชาวเขา เหยื่อที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ มายื่นเรื่องร้องเรียนต่อกรมการศาสนา และตำรวจกองบังคับ การปราบปราม (บก.ป.) และกรมคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก กรมประชาสงเคราะห์ ให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังจากพบว่ากรณีมีเด็กหญิงชาวเขารวม 6 คน มาพักอาศัยอยู่วัดเพื่อหวังให้มีโอกาสได้ศึกษาต่อสูง ๆ ตามคำชักชวนของภาวนาพุทโธ เมื่อครั้งออกธุดงค์
พฤติกรรมของอดีตพระภาวนาพุทโธนั้น ถูกระบุในคำพิพากษาว่า เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2531-2538 ต่อเนื่องกัน ญาติของเด็กหญิงชาวเขา เหยื่อของพระภาวนาพุทโธคนหนึ่ง ทราบพฤติกรรมดังกล่าว จึงได้ทำเรื่องร้องเรียนต่อกรมการศาสนา และตำรวจกองปราบปราม ซึ่งเมื่อสื่อได้ข้อมูล-ข้อเท็จจริง ข่าวจึงถูกกระพือ ถัดจากนั้นมาอีก 9 ปีเต็ม ทั้งการดำเนินการในชั้นของพนักงานสอบสวน ชั้นอัยการ และชั้นศาล จนกระทั่งเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2547 ศาลชั้นต้นพิพากษา นายจำลอง คนซื่อ หรืออดีตพระภาวนาพุทโธ ในความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราหญิงอายุไม่เกิน 13 ปีและไม่เกิน 14 ปี ซึ่งมิใช่ภรรยาตน โดยพิพากษาจำคุกเป็นเวลาถึง 160 ปี แต่ตามกฎหมายสามารถจำคุกจำเลยได้เพียง 50 ปีเท่านั้น โทษจึงคงเหลือจำคุก 50 ปี มีการสู้คดีกันต่อแต่ทั้งศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาก็ยังคงพิพากษายืน
เณรแอ
เณรแอ จอมขมังเวทย์ เจ้าของต้นตำรับ ของขลัง พ.ศ.2537 เณรแอ ใช้ใต้ถุนเมรุวัดหนองระกำทำพิธีปลุกเสกกุมารทอง ซึ่งในครั้งนั้น ทำให้เณรแอต้องติดคุกอยู่ 1 ปีเต็ม
พ.ศ.2538 เณรแอ ได้แต่งงานกับ นางชไมพร รักษาจิตร์ แต่ก็ต้องเลิกรากันไป โดยนางชไมพร อ้างว่าทนพฤติการณ์ของเณรแอไม่ไหว กรณีบังคับให้หลอกลวงหญิงสาวที่มีปัญหาครอบครัวให้มาทำพิธีไสยศาสตร์ และได้ฟ้องหย่าต่อศาล
ปัจจุบัน เณรแอ ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จากคำพิพากษาศาลอาญารัชดาฯคดีฉ้อโกง เป็นเวลา 100 ปี แต่คำให้การของจำเลยมีประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง จึงลดโทษให้เหลือจำคุก 75 ปี
เณรคำ
หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก นามเดิม “วิรพล สุขผล” มีคดีความกับ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 26 ปี ที่ได้ออกมาเปิดเผยถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับ “เณรคำ” จนมีลูกชายวัย 11 ขวบ ซึ่งเจ้าคณะอำเภอเมืองศรีสะเกษ ก็มีมติให้ อาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นพระภิกษุ
ยังไม่นับรวมถึงความผิดในเรื่องอื่นๆ ทั้งฉ้อโกงประชาชน ฟอกเงินโดยเบียดบังเงินบริจาคไปซื้อทรัพย์สินและการนำเงินไปฝากในต่างประเทศ แสดงและใช้วุฒิการศึกษาเท็จว่าจบด็อกเตอร์จากมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก ฆ่าคนตายโดยประมาทจากการขับรถชนคน มีพฤติกรรมหลบเลี่ยงภาษีรถหรูซึ่งมีทั้งที่ซื้อใช้เอง และซื้อแจกพระผู้ใหญ่หลายรูป ฯลฯ
พระธัมมชโย
พระธัมมชโย หรือ พระเทพญาณมหามุนี มีนามเดิมว่าไชยบูลย์ สุทธิผล เมื่อปี 2540 พระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ในประเด็นยักยอกทรัพย์ จากการบริหารเงินบริจาค การกระทำดังกล่าวถือเป็นความผิดทางพระธรรมวินัยขั้นปาราชิก
เกือบ 7 ปี ของการดำเนินคดี ตั้งแต่ปี 2542-2549 เมื่อพระธัมมชโยได้คืนทรัพย์สินและที่ดินให้กับวัดพระธรรมกายแล้ว ดังนั้น มติ มส.ในขณะนั้นจึงไม่ได้ให้ปาราชิก และยังสามารถดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายได้
แต่ก็มีเรื่องอีก จากกรณีเงินบริจาคของ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เมื่อปี 2556 คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 900 ล้านบาท
พระมิซูโอะ คเวสโก
พระมิซูโอะ คเวสโก เป็นพระที่ขึ้นชื่อในเรื่องพัฒนา และการหาสัจธรรมของชีวิต ในปี 2556 กลับมีข่าวช็อค เมื่อพระอาจารย์มิตซูโอะประกาศขอลาสิกขา ทั้งๆ ที่ไม่มีนัยยะจะยุติบทบาท หรือมีข่าวฉาวมาก่อน โดยท่านได้ให้เหตุผลว่ามีปัญหาด้านสุขภาพขอไปรักษาตัว และต้องการกลับไปช่วยเหลือผู้คนในประเทศญี่ปุ่น แต่กระนั้นหลังเปลี่ยนสถานะไปไม่นานก็ปรากฎภาพ อดีตพระมิตซูโอะเข้าพิธีแต่งงานกับหญิงสาวรายหนึ่งซึ่งอ้างว่าเป็นนักธุรกิจหญิงด้านความงาม จนทำให้มีกระแสข่าวออกมาว่าการลาสิกขาครั้งนี้เป็นเพียงข้ออ้าง แต่สาเหตุหลักคือต้องการไปแต่งงานมีครอบครัว
พระเกษม อาจิณณสีโล
ปี 2556 ได้เกิดมีข่าวสุดฉาวขึ้น เมื่อมีคลิปของพระสงฆ์รายหนึ่งมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมด้วยการใช้วาจา หยาบคายรวมถึงใช้เท้าเตะเก้าอี้ ไม่สมกับเป็นสมณะเพศ ก่อนทราบชื่อต่อมา คือ หลวงพ่อเกษม อาจิณณสีโล เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์สามแยก อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์
หลังจากปรากฎคลิปดังกล่าวออกไปก็ทำให้เจ้าตัวถูกฟ้องร้องดำเนินคดีหลายกระทง แต่กระนั้นไม่ได้อาบัติปาราซิก ก่อนที่เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้เกิดเรื่องสุดฉาวขึ้นอีกครั้ง เมื่อเจ้าตัวออกมายอมรับหน้าตาเฉยว่า มีเพศสัมพันธ์กับลูกศิษย์ชายท่านหนึ่งแต่ที่ทำไปนั้นเพราะทำไปไม่รู้ตัว แต่เรื่องนี้จะรู้ตัวหรือไม่ไม่สำคัญเพราะสำนักงานพระพุทธศาสนาได้มีคำสั่งให้จับสึกทันที และห้ามกลับมาบวชใหม่ตลอดชีวิต เหตุเป็นโทษร้ายแรง



