- 02 ส.ค. 2560
ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th
จากกรณีมีประชาชนดินทางให้กำลังใจนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แถลงปิดคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งจำเลยใช้เวลาในการแถลงปิดคดีดังกล่าวประมาณ 1ชั่วโมง โดยในแถลงการณ์ปิดคดีมีเนื้อหาบางส่วนที่น่าสนใจดังนี้ “ก่อนอื่นดิฉันขอกราบขอบพระคุณองค์คณะผู้พิพากษาที่อนุญาตให้ดิฉันแถลงปิดคดีด้วยตนเองในวันนี้ เพิ่มเติมจากคำแถลงการณ์ปิดคดีเป็นลายลักษณ์อักษร
ดิฉันขอใช้โอกาสนี้กล่าวกับทุกท่านอย่างหมดใจในวันนี้ในเรื่องที่ดิฉันถูกดำเนินคดีโดยไม่ถูกต้องไม่เป็นธรรมและตลอดเวลาที่ดิฉันได้นั่งรับฟังการพิจารณาคดีนี้ นับตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2559 และสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2560รวมการไต่สวนของศาลในคดีนี้ทั้งหมด26 นัด เป็นเวลา 1 ปี 6 เดือนที่ดิฉันไม่เคยขาดนัดพิจารณาคดีของศาลแม้แต่สักครั้งเดียว ทั้งนี้เพราะดิฉันมั่นใจในความบริสุทธิ์ว่าไม่ได้กระทำผิดตามข้อกล่าวหาที่มีต่อดิฉัน
ด้วยความเคารพต่อทุกท่านที่เป็นองค์คณะในการพิจารณาคดีนี้หากมีถ้อยคำใดที่ดิฉันเปิดใจกล่าวอย่างตรงไปตรงมานั้นดิฉันไม่ได้มีเจตนาอื่นใดและไม่ได้ประสงค์จะใส่ร้ายหรือใส่ความผู้ใดดิฉันเพียงต้องการให้การพิพากษาคดีที่ดิฉันถูกกล่าวหาในครั้งนี้เป็นไปโดยถูกต้องเที่ยงธรรมตามรัฐธรรมนูญกฎหมายภายใต้หลักนิติธรรมที่ดิฉันไม่เคยได้รับจากคณะกรรมการ ป.ป.ช.และโจทก์ในคดีนี้มาก่อน ดิฉันขอเรียนแก้ข้อกล่าวหา ในเรื่องสำคัญ 6เรื่อง
เรื่องที่ 1 ดิฉันถูกดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรมและไม่ชอบด้วยกฎหมายชั้นกล่าวหาและชี้มูลความผิดโดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่องที่ 2 นโยบายจำนำข้าวเป็นนโยบายสาธารณะที่เป็นประโยชน์ และดำเนินการตามกฎหมาย ข้อกล่าวหาของโจทก์ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายซึ่งมีประเด็นที่ดิฉันขอแก้ข้อกล่าวหาและขอความเป็นธรรม เรื่องที่ 3 ดิฉันไม่ได้เพิกเฉย ละเลย และไม่มีอำนาจระงับยับยั้งโครงการตามอำเภอใจกระบวนการ ขั้นตอน และวิธีการบริหารนโยบายรับจำนำข้าวเป็นไปตามรัฐธรรมนูญกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรี เรื่องที่ 4 การไม่ระงับยับยั้งโครงการเนื่องจากโครงการมีประโยชน์ ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายตามฟ้องเพราะภารกิจของภาครัฐมิใช่กระทำเพื่อแสวงหากำไร แต่เป็นการดำเนินการเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน เรื่องที่ 5 ดิฉันไม่ได้ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลใดหรือโดยทุจริตตามมาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญาหรือ มาตรา 123/1พ.ร.บ. ป.ป.ช. เรื่องที่ 6 ดิฉันไม่ได้ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในการระบายข้าว
ดิฉันรู้ดีว่าดิฉันเป็นเหยื่อของเกมการเมืองที่ลึกซึ้ง
ดิฉันไม่ได้ทำอะไรผิดแต่สิ่งที่ดิฉันทำ คือ การใช้ประสบการณ์ของผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ที่เกิดในต่างจังหวัด มีโอกาสได้รับรู้สัมผัสความทุกข์ยากแสนสาหัสของชาวไร่ชาวนา ซึ่งประเทศนี้เคยเรียกพวกเขาว่า เป็นกระดูกสันหลังของชาติ และเรียกร้องให้คนไทยทุกคนเกื้อหนุนดูแล และดิฉันก็ได้ทำแล้วในโครงการรับจำนำข้าว เป็นผลพิสูจน์อย่างเป็นรูปธรรมแล้วว่า ในช่วงที่มีโครงการรับจำนำข้าว ชาวนามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ลูกหลานมีโอกาสเรียนต่อ นับเป็นความภูมิใจในชีวิต ที่ครั้งหนึ่งดิฉันได้มีโอกาสผลักดันนโยบายนี้ให้กับชาวนา
สุดท้ายนี้ ดิฉันเห็นว่าก่อนที่ศาลจะตัดสินคดีนี้ดิฉันใคร่ขอวิงวอนศาลได้โปรดพิจารณา พิพากษาคดีนี้ตามข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายและพยานหลักฐานที่เข้าสู่สำนวนโดยชอบและโดยสุจริตไม่รับฟังการชี้นำจากฝ่ายใด ๆ แม้แต่หัวหน้า คสช. ผู้กุมชะตาและอำนาจรัฐที่พูดชี้นำคนในสังคมเกี่ยวกับคดีของดิฉันเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่าถ้าเรื่องนี้ไม่ผิดแล้ว จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาได้อย่างไรซึ่งคำพูดนี้เป็นการชี้นำ เสมือนหนึ่งว่ามีการกระทำความผิดแล้ว ทั้ง ๆ ที่ศาลที่เคารพยังไม่ได้ตัดสิน
ล่าสุดนายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี(พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ) ได้ออกมาตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับแถลงการณ์ปิดคดีของนางสาวยิ่งลักษณ์ซึ่งมีลักษณะผิดแผกดูพิกล โดยมี4ประเด็นในข้อชวนคิดต่ออันน่าติดตามในข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร โดยทั้งหมดระบุไว้ดังนี้
“ข้อสังเกตของงานแถลงการณ์ด้วยวาจาของคุณยิ่งลักษณ์
1 การระดมคนมาได้น้อยกว่าที่คิดมากๆ เห็นสภาพอ่อนกำลังของงานมวลชน ที่น่าเกลียดคือการถูกแฉว่ามีคนถูกหลอกว่ามาเคารพพระบรมศพแต่กลายเป็นมาที่หน้าศาล
2 หลายคนไม่เชื่อว่าคุณยิ่งลักษณ์ร่างแถลงการณ์เอง ผมดูเองก็เชื่อว่าทนายร่าง ทำให้ถูกมองว่าโกหกแม้เรื่องแค่นี้
3 การแถลงการณ์ด้วยวาจาเป็นการแถลงปากเปล่า ไม่ใช่เขียนมาอ่าน ซึ่งไม่ใช่การ"แถลงการณ์ด้วยวาจา"
4 การแถลงการณ์ปิดคดีคือการสรุปการนำสืบพยานตามประเด็นในคดีว่าควรรับฟังได้ว่าอย่างไร และควรชนะคดีอย่างไร ไม่ใช่การแขวะคนโน้นคนนี้ และต้องไม่ใช่การอบรมหรือสอนศาลว่าต้องพิจารณารับฟังพยานหลักฐานอย่างไร โดยต้องตระหนักว่าศาลกำลังออกนั่งบัลลังก์ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ พึงสำรวมและเคารพ และต้องสำเหนียกว่าในบริเวณบัลลังก์ของศาลไม่ใช่เวทีละคร
เหตุนี้จึงทำให้การแถลงการณ์ครั้งนี้พิกลไป”
ขอบคุณเฟซบุ๊ก : Paisal Puechmongkol



