นักเลือกตั้งพวกอ้างปชต.โดนไปอีกหนึ่ง! ด่วน"ส.ว.สาก-เชาวรินธร์ อดีตคนเพื่อไทย" โดนศาลอุทธรณ์สั่งคุก2 ปี โกงเงิน11ล้าน ญาติวิ่งขอประกันขาขวิด 

ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th


ลุ้นระทึก!!! ด่วน "อดีต ส.ส.เพื่อไทย-เชาวรินธร์  ลัทธศักดิ์ศิริ" โดนศาลอุทธรณ์สั่งคุก 2 ปี ข้อหาฉ้อโกงงินซื้อขายปูนบริษัทเขมรกว่า 10 ล้านบาท  และผิด พ.ร.บ.คอมพ์ฯ ญาติวิ่งขอประกันขาขวิด ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล  


วันนี้ (24 ส.ค.) ผู่ช้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องพิจารณา 907 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีหมายเลขดำ อ.639/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 โจทก์ และบริษัท บี.พี.ซี เทรดดิ้ง จำกัด (ประเทศกัมพูชา) ผู้เสียหาย ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ร.ต.ท.เชาวรินธร์ ลัทธศักดิ์ศิริ อายุ 70 ปี อดีต รมช.ศึกษาธิการ และ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 3, 14 (1), 17 (1) 

โดยโจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 5 พ.ค.57 บริษัท บี.พี.ซี.เทรดดิ้ง จำกัด (ประเทศกัมพูชา) ได้สั่งซื้อสินค้าจำพวกปูนซิเมนต์ จากบริษัท ทีพีไอโพลีนพับบลิค จำกัด (ประเทศไทย) โดยทำใบสั่งซื้อส่งเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ในลักษณะจดหมายอิเล็กทรอนิกส์หรืออีเมล ซึ่งบริษัท ทีพีไอโพลีนฯ ได้ออกหลักฐานใบสำคัญเก็บเงินค่าสินค้าแจ้งให้บริษัท บี.พี.ซี.ฯ โอนเงินค่าสินค้าจำนวน 352,781 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทย 11,428,308.40 บาท ผ่านบัญชีเงินฝากธนาคารทหารไทย จำกัด ของบริษัท ทีพีไอโพลีนฯ แต่ระหว่างวันที่ 6 - 9 พ.ค.57 จำเลยกับพวกอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันเข้าไปเปลี่ยนแปลงข้อมูลใบสำคัญเก็บสินค้าเสียใหม่ เป็นว่าให้บริษัท บี.พี.ซี.ฯ โอนเงินค่าซื้อปูนซิเมนต์ จำนวน 11,428,308.40 บาท ผ่านเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย สาขารัฐสภา ชื่อ Thai and Chinese Bhuddhist Culture หรือสมาคมวัฒนธรรมวิถีพุทธไทย-จีน ที่มีจำเลยเป็นนายกสมาคมฯ โดยทุจริต ซึ่งเป็นการนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ จนทำให้บริษัท บี.พี.ซี.ฯ หลงเชื่อว่าเป็นบัญชีของบริษัท ทีพีไอโพลีนฯ ผู้เสียหายที่ 2 แล้วโอนเงินค่าเข้าบัญชีเงินฝากโดยที่บัญชีดังกล่าวเป็นของจำเลยกับพวก ซึ่งต่อมาจำเลยได้โอนเงินเข้าบัญชีของตัวเอง เหตุเกิดขึ้นที่แขวง-เขตดุสิต จำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดี 

 

คดีนี้ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27 ก.ย.59 ให้จำคุก 1 ปี 6 เดือน ฐานยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญาฯ มาตรา 352 วรรคสอง และให้จำเลยคืนเงินค่าชำระสินค้า 11,428,308.40 บาท แก่บริษัทโจทก์ร่วมด้วย ต่อมา ร.ต.ท.เชาวรินธร์ ได้ประกันตัวไปวงเงิน 1 ล้านบาทในชั้นอุทธรณ์คดี โดยวันนี้ ร.ต.ท.เชาวรินธร์ และคนสนิทได้เดินทางมาศาล เพื่อฟังคำพิพากษาดังกล่าว 

 

ล่าสุด ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้ว เห็นว่าการที่จำเลยแก้ไขข้อมูลบัญชีธนาคารอันเป็นเท็จ แม้ในทางนำสืบโจทก์และโจทก์ร่วมไม่มีประจักษ์พยานหรือพยานหลักฐานที่บ่งชี้ว่าในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุก็ตาม ศาลอุทธรณ์ จึงพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (1) วรรคสอง ที่แก้ไขใหม่ ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 (เดิม) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษหนักสุด จึงให้จำคุก ร.ต.ท.เชาวรินธร์จำเลย 3 ปี แต่ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลย 2 ปี และให้จำเลยคืนเงินจำนวนดังกล่าวแก่ผู้เสียหายด้วยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น 

 

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษาให้จำคุกจำเลย 2 ปี โดยไม่รอลงอาญานั้น ทางญาติของ ร.ต.ท.เชาวรินธร์ ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอประกันตัวระหว่างฎีกาทันที ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล