- 05 ก.ย. 2560
ติดตามรายละเอียดที่นี่ http://www.tnews.co.th
ออกมาทำนายดวงชะตาบ้านเมืองอีกครั้ง สำหรับโหรดัง อย่าง อ.วารินทร์ โดยยังคงเชื่อมั่นว่าการบริหารบ้านเมืองของรัฐบาลคสช.จะเป็นไปตามโรดแมป และเชื่อว่าภายใต้สถานการณ์ที่เป็นไปในขณะนี้ ถือว่าหมดเวลากลุ่มอำนาจเก่าแล้ว ประการสำคัญคืออดีตนายกฯหญิง-พี่ชายจะไม่ได้กลับประเทศไทย ถือเป็นยุคไร้นารีขี่ม้าขาว จัดระเบียบให้บ้านเมืองเข้าสู่ยุคศิวิไลซ์อย่างแท้จริง
ที่วิหารหลวงปู่เกวาลัน หมู่บ้านสุขิโต อ.เมืองเชียงใหม่ นายวารินทร์ บัววิรัตน์ โหรชื่อดัง ฉายา "โหร คมช." ได้เปิดเผยถึงดวงชะตาบ้านเมืองในช่วงนี้ด้วยว่า จากการนิมิตของหลวงปู่เกวาลัน ยังยืนยันในนิมิตเดิมว่า ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่เคยทำนายไว้ตั้งแต่ 2 ปีก่อนว่าจะมีเหตุการณ์อย่างไร
โดยตอนนี้กลุ่มอำนาจเก่าได้สลายขั้วไปหมดแล้ว หมดอำนาจไปแล้ว การที่มีผู้ทำนายว่าจะมีนารีขี่ม้าขาวมาอีกนั้นไม่น่าจะใช่เพราะตอนนี้ทุกอย่าง คสช.ก็ยังเป็นผู้ดูแลความเรียบร้อย ไม่มีใครในนิมิตที่จะเข้ามา โดยอดีตนายกรัฐมนตรีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็จะเหมือนกับนายทักษิณ ชินวัตร พี่ชายที่ไม่ได้เดินทางกลับเข้าประเทศเพราะหมดเวลาเขาแล้ว
เช่นเดียวกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตจำนำข้าวก็เป็นไปตามกฎหมาย ความยุติธรรมปรากฏ และบรรยากาศการเมืองก็ยังเดินหน้าตามโรดแมป โดยมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นแน่นอน เพียงแต่ช่วงเวลาอาจจะคลาดเคลื่อนไปบ้างตามความเหมาะสม ที่คาดว่าเดือนสิงหาคม 2561 ก็อาจเป็นไปได้ แต่การเมืองจะไม่มีเหตุรุนแรงใดๆเพราะเคราะห์กรรมของประเทศผ่านจุดนั้นมาแล้ว
ทั้งนี้ยังระบุว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และผู้นำ คสช.จะยังคงบริหารประเทศต่อไป ตามแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี แต่ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่ยาว 20 ปี ช่วงเวลานี้เป็นช่วงของการทำงานเพื่อให้บ้านเมืองเป็นปกติสุข ประคับประคองไปสู่ความมีระเบียบแบบแผน สู่ยุคศรีวิไล กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์ โดยไม่มีการเคลื่อนไหวที่รุนแรงเกิดขึ้นอีก เนื่องจากบ้านเมืองผ่านพ้นช่วงวิบากกรรมไปแล้ว รวมถึงภัยพิบัติรุนแรงที่เคยทำนายไว้ก็ผ่านมาแล้ว ต่อไปบ้านเมืองจะมีแต่ความสงบสุข
ก่อนหน้านั้น โหรวารินทร์ กล่าวถึงกรณีที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ได้พิจารณาคดีดำ ที่ อ.4133/59 พิพากษาให้จำคุก นายปราโมทย์ สมัครการ เลขาธิการศูนย์ส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นเชียงใหม่-ลำพูน ในความผิดฐานหมิ่นประมาท เป็นเวลา 6 เดือนปรับ 10,000 บาท แต่จำเลยรับสารภาพและจำนนต่อหลักฐาน ศาลเมตตา โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี พร้อมคุมประพฤติ 4 ครั้ง ใน 1 ปี และให้ทำประโยชน์ 24 ชั่วโมง ว่า ขอบคุณศาลที่ให้ความยุติธรรมในครั้งนี้ ซึ่งจะเดินหน้าฟ้องร้องทางแพ่งต่อไป เนื่องจากเห็นว่าในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบและเกิดความเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้ในช่วงที่ผ่านมาเพราะถูกร้องไปหลายช่องทางมาก ซึ่งหากฟ้องแพ่งสำเร็จจะนำรายได้เข้ามูลนิธิข่วงพระเจ้าล้านนา เพื่อนำไปทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาต่อไป เบื้องต้นทีมกฎหมายกำลังรวบรวมข้อมูลหลักฐานต่างๆ เพื่อประเมินความเสียหายในการฟ้องทางแพ่ง ซึ่งก็ถือว่ามากแต่ก็ไม่น่าจะเกิน 100 ล้านบาท



