- 28 ก.ย. 2560
ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th
จากกรณีพลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพรหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ตรวจสอบรถต้องสงสัย มีส่วนร่วมพานางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลบหนีออกนอกประเทศ โดยตำรวจจังหวัดนครปฐม พบรถต้องสงสัยคันดังกล่าวซึ่งเป็นรถโตโยต้า แคมรี่ สีบรอนท์ หมายเลขทะเบียน ฌข.5323 กทม. พบความเชื่อมโยงระหว่างตำรวจ 3 นาย ในสังกัดกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 และกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐมโดยตำรวจทั้ง 3 นาย ให้การว่าเป็นผู้ขับรถ ที่มีนางสาวยิ่งลักษณ์ นั่งอยู่ในรถ มุ่งหน้าไปจังหวัดสระแก้ว
ต่อมามีการเผยแพร่เอกสาร โดยอ้างว่าเป็นหนังสือคำสั่งของ พล.ต.ต.มงคล วรุณโณ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5(ผบก.น.5) ได้มีคำสั่งที่ 267/2560 ลงวันที่ 22 ก.ย.60 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง พร้อมมีคำสั่งให้ที่ 268/2560 ลงวันที่ 22 ก.ย.60 ให้ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รอง ผบก.น.5 มาปฏิบัติราชการประจำที่ ศปก.บก.น.5 ทั้งนี้ สืบเนื่องเอกสารดังกล่าวอ้างว่า จากกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ มพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับรถยนต์โตโยต้า แคมรี่ สีเทา ทะเบียน ฌข 5323 กรุงเทพมหานคร ซึ่งจากการตรวจสอบไม่พบหมายเลขทะเบียนรถดังกล่าวในสารบบของกรมการขนส่งทางบก
ทั้งนี้ในเวลาต่อมาสำนักข่าวทีนิวส์ ได้ตรวจสอบในเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “Chairit Anurit” คาดว่าน่าจะเป็นของพ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ปรากฏว่าได้ในอดีตที่ผ่านเมื่อ ปี2556 ในช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็น ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. โดยการนำของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งเฟซบุ๊กดังกล่าว ก็ได้โพสต์ เรื่องราวเกี่ยวกับการชุมนุมไว้ ยกตัวอย่าง เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2556 ได้โพสต์ภาพนายสุเทพ ที่มีข้อความว่า “สนับสนุนคนไทย ให้ออกมาฆ่ากัน อย่างยอมกัน ประเทศไทยสงบมาพอแล้ว” แล้วกับคำบรรยายว่า “ยึดที่ไหน...ก็ยึดไป...แต่ถ้ามายึด บชน. มาเท่าไหร่ ก็ขนศพกลับไปเท่านั้น ไม่ขาดไม่เกิน...” ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าในขณะนั้นพ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ดำรงตำแหน่ง ผกก.กก.2 บก.สส. บช.น. พอดิบพอดี
ล่าสุดในโลกโซเชียลฯได้มีการเผยแพร่แชร์ภาพของบุคคลและมีการวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆ โดยรูปดังกล่าวนั้นมีผู้หญิง2คน โดยเฉพาะคนสวมแว่นตา ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าคือ เมย์ อียู หรือ นางชนัญชยา หรือเมย์ เกตุแก้ว สาวเสื้อแดงที่มีข่าวเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดต่างๆมากมาย อีกทั้งยังมีหมายจับกำลังหลบหนีคดีอยู่ด้วย แต่ที่เป็นที่น่าสังเกตุและชาวโซเชียลฯให้ความสนใจไม่น้อยไปกว่าเมย์อียูนั่นคือ รูปผู้ชาย ที่ยืนอยู่ด้านซ้ายมือสุด ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะเป็น พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์หรือไม่ โดยในรูปนั้นกำลังยืนถือไมโครโฟน น่าจะอยู่ในงานใดงานหนึ่งหรือไม่ ซึ่งทางสำนักข่าวทีนิวส์จะทำการตรวจสอบถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวต่อไป
สำหรับเมย์อียู เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2557 ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผบ.ตร.(ตำแหน่งในขณะนั้น) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.ผบช.ภ.1 (ตำแหน่งในขณะนั้น)แถลงข่าวการออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 3 ราย ได้แก่ 1. นาย สมศักดิ์ หรือ น้อง พูลสวัสดิ์ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/16 ม.3 ต.สามพี่น้องอ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 1370 / 2557 ลงวันที่ 8 ส.ค 57
2. น.ส.กริชสุดา หรือ เปิ้ล คุณะแสน อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/74 ต.แสนสุข อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี ตามหมายจับศาอาญารัชดา ที่ 1371 / 2557 ลงวันที่ 8 ส.ค.57
3. นางชนัญชยา หรือเมย์ เกตุแก้ว (หมายเหตุ: เมย์ อียู) อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/74 ต.แสนสุข อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี ตามหมายจับศาอาญารัชดาที่ 1372 / 2557 ลงวันที่ 8 ส.ค 57
ในข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนหรือวัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะในสงครามในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ทั้งนี้พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า การออกหมายจับครั้งนี้สืบเนื่องจากการจับกุมตัวนายพีรพงษ์ หรือ ธานินทร์ สินธุสนธิชาติ และให้การซัดทอดว่าอาวุธปืนที่แจกจ่ายให้บุคคลต่างๆไปก่อเหตุ เป็นปืนที่รับมาจากน.ส.กริชสุดา และนายไม้หนึ่ง (ไม้หนึ่ง ก.กุนที กวีประชาธิปไตยที่มีจุดยืนสนับสนุนเสื้อแดง) ได้ไปรับปืนเอ็ม79 โดยได้นำไปแจกจ่ายให้ผู้ร่วมขบวนการนำไปก่อเหตุ และได้ไปรับปืนเอ็ม16 ที่น.ส.กริชสุดา แต่ยังไม่ได้นำไปก่อเหตุเนื่องจากนำปืนไปลองแล้วปืนเกิดระเบิดขึ้น ทั้งนี้ตนของยืนยันว่า ไปรับปืนมาจริง ไม่ได้มีผู้ใดบังคับให้สารภาพ โดยจากคำรับสารภาพของนายพีรพงษ์ ทางเจ้าหน้าที่จะนำเสนอต่ออัยการต่อไปและหากพบว่าน.ส.กริชสุดาและนางมนัญชยา ซึ่งอยู่ระหว่างการหลบหนีคดีไปกบดานอยู่ในประเทศที่เรามีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ก็จะประสานไปทางประเทศนั้นๆ เพื่อทำการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป
นอกจากนี้ยังพบอีกว่าเมย์ อียู ยังมีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดไปป์บอมบ์ จำนวน 2 ลูก บริเวณทางเชื่อมระหว่างรถไฟฟ้าบีทีเอสกับห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เมื่อคืนวันที่ 1 ก.พ.58 ที่ผ่านมา ซึ่งระเบิดไปป์บอมบ์ที่ใช้ก่อเหตุมีลักษณะคล้ายกับระเบิดที่เกิดขึ้นท้องที่ สน.มีนบุรี เมื่อเดือน มี.ค.57 ซึ่งเชื่อมโยงกับคดีระเบิดสมานเมตตาแมนชั่น อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เดือน ต.ค.53 ซึ่งชุดสืบสวนเชื่อว่าทั้งหมดโยงใยอยู่ในเครือข่ายเดียวกัน โดยยังมีรายงานหลังสอบปากคำกลุ่มแดงฮาร์ดคอร์หลายสิบคนได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ชุดความมั่นคงของทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนคลี่คลายคดี พุ่งเป้าไปที่เครือข่ายกลุ่มเสื้อแดงอิสระ ของนางมนัญชยา เกตุแก้ว หรือ “เมย์ อียู” ซึ่งเป็นแกนนำแดงอิสระแห่งภาคตะวันออก
อย่างไรก็ตามสาเหตุที่ชุดสืบสวนพุ่งเป้าตรวจสอบเครือข่าย “เมย์ อียู” สืบเนื่องมาจาก น.ส.กริชสุดา หรือสหายสุดซอย เป็นคนใกล้ชิด และเคยเป็นเลขาให้กับนางมนัญชยา หรือเมย์ อียู มาก่อนและจากข้อมูลดังกล่าว ก็มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฉายภาพความเชื่อมโยงให้เห็นอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น เพราะก่อนจะกลับมาปรากฏชื่อในเหตุการณ์ครั้งนี้ ชื่อนางมนัญชยา เกตุแก้ว หรือ “เมย์ อียู” เพิ่งถูกนำเสนอผ่านสื่อมวลชนมาแล้วเมื่อกลางปี 2557
ย้อนไปเมื่อ 28 พฤษภาคม 2557 ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 14 จ.ชลบุรี สนธิกำลังกว่า 50 นาย บุกเข้าไปที่บ้านเลขที่ 9/74 หมู่บ้านบางแสนมหานคร ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นบ้านของ นางมนัญชยา แกนนำแดงอิสระเมื่อไปถึงพบว่า นางมนัญชยา ได้เดินทางไปยังประเทศเยอรมันก่อนหน้านี้แล้ว แต่เจ้าหน้าที่สามารถจับกุม ‘กริชสุดา คุณะเสน’ ซึ่งเป็นคนสนิทของ ‘เมย์ อียู’ ไว้ได้ พร้อมอาวุธปืนกล็อก ขนาด 11 มม.อีก 1 กระบอกในห้องนอน พร้อมกับยึดรถยนต์ฮอนด้าแจ๊ซสีขาว หมายเลขทะเบียน 350 กรุงเทพมหานคร หลังจากทำการตรวจค้นบ้าน พบหลักฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นใบโอนเงิน บัญชีการแจกจ่ายเงิน และการว่าจ้างบุคคลทำงานที่เชื่อว่าน่าจะก่อให้เกิดความวุ่นวาย