ดูชัดๆ เปิดภาพ "พานทองแท้" เดินย่องเข้าพบดีเอสไอ รับทราบข้อหาคดีฟอกเงิน

ติดตามรายละเอียด http://deeps.tnews.co.th

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดได้มีการเปิดเผยภาพขณะที่ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย นายทักษิณ ชินวัตร เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อรับทราบข้อหาคดีฟอกเงิน โดยในภาพปรากฏว่ามี "เอม" พินทองทา คุณากรวงศ์ (ชินวัตร) เดินทางมาด้วย

 

ดูชัดๆ เปิดภาพ "พานทองแท้" เดินย่องเข้าพบดีเอสไอ รับทราบข้อหาคดีฟอกเงิน

 

ดูชัดๆ เปิดภาพ "พานทองแท้" เดินย่องเข้าพบดีเอสไอ รับทราบข้อหาคดีฟอกเงิน

ทั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ได้ออกเอกสารข่าวระบุว่า ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ได้มีหนังสือ เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2559 ถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อส่งข้อมูลและแจ้งผลการดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สินเกี่ยวกับการกระทำความผิด กรณีผู้บริหารธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) อนุมัติสินเชื่อให้แก่กลุ่มบริษัทกฤษฎามหานคร จำกัด (มหาชน) โดยมิชอบ และขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษตรวจสอบบุคคลที่รับโอนหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินอันเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในส่วนที่เกี่ยวกับบุคคล 4 คน โดยเงินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ในเรื่องนี้มีจำนวน 10 ล้านบาท และ จำนวน 26 ล้านบาท ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับไว้เป็นคดีพิเศษที่ 25/2560

ต่อมาพนักงานอัยการ และพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้พิจารณาพยานหลักฐานแล้วเห็นชอบร่วมกันว่าคดีมีพยานหลักฐานตามสมควรที่จะแจ้งข้อกล่าวหาบุคคลจำนวน 4 คน ได้แก่ 1.นางเกศินี จิปิภพ 2.นางกาญจนาภา หงษ์เหิน 3.นายวันชัย หงส์เหิน และ 4.นายพานทองแท้ ชินวัตร ในข้อหา “สมคบกันโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป, ร่วมกันฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบแล้ว” และพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ออกหมายเรียกให้บุคคลดังกล่าวเข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเพื่อรับทราบข้อหา ในวันที่ 24 ตุลาคม 2560 นั้น

ภายหลังจากได้รับหมายเรียก บุคคล 4 ราย ได้ติดต่อขอเข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาก่อนกำหนดเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยเมื่อวันอังคารที่ 17 ตุลาคม 2560 เวลาประมาณ 14.00 น.บุคคลทั้งสี่ได้เดินทางมาพบกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและพนักงานอัยการที่ร่วมสอบสวน ได้ร่วมกันแจ้งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำที่กล่าวหาและแจ้งข้อหาบุคคล ทั้ง 4 ในข้อหา “สมคบกันโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป, ร่วมกันฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิด ฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบแล้ว” ตามมาตรา 5 และมาตรา 9 วรรคหนึ่ง, มาตรา 9 วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542

โดยผู้ต้องหาทุกคนปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา พนักงานสอบสวนคดีพิเศษจึงได้สอบสวนปากคำไว้ และผู้ต้องหาทั้งสี่คนประสงค์จะส่งเอกสารเพื่อประกอบการแก้ข้อหาและพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน ซึ่งจะนำมามอบให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษโดยเร็ว และเนื่องจากบุคคลทั้งสี่ยังไม่มีหมายจับของศาล เมื่อแจ้งข้อกล่าวหาและดำเนินการตามขั้นตอนเสร็จสิ้น จึงเดินทางกลับ เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น.

ทั้งนี้ หากผลการสอบสวนมีความคืบหน้าเป็นประการใดจะประชาสัมพันธ์ให้ทราบเป็นระยะต่อไป