- 02 เม.ย. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
ผวาหนัก-จนต้องลาก"ป๋า"มาเอี่ยว?! "พล.ท.พิศณุ พุทธวงศ์" หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ฟาดปาก "เสี่ยโอ๊ค" ลูกชายนายใหญ่ หลังเจ้าตัวใส่ร้ายป้ายสีแบบหวังผลทางการเมืองและทางคดี โดยบิดเบือนว่า มีเช็ค 2 ฉบับ และใบนำฝากของธนาคารว่าเป็นชื่อของ พล.อ.เปรม จำนวนเงิน 250,000 บาท ซึ่ง ป๋าเปรมสั่งให้นำเงินก้อนนี้ไปฝากเข้าบัญชีมูลนิธิรัฐบุรุษ ส่วนเช็คอีกใบสั่งจ่ายเงินสดเข้าบัญชี พล.ร.ท.พระจุณณ์ ตามประทีป นายทหารคนสนิทของ พล.อ.เปรมฯ
โดยวันนี้ (2 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ท.พิศณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้ออกกมาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนี้ว่า การที่ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุรูปเช็ค 2 ฉบับและใบนำฝากของธนาคารว่าเป็นชื่อของ พล.อ.เปรม จำนวนเงิน 250,000 บาท มีลายเซ็น พล.อ.เปรม เซ็นชื่อกำชับว่า ให้นำเงินก้อนนี้ไปฝากเข้าบัญชีมูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ส่วนเช็คอีกใบสั่งจ่ายเงินสดเข้าบัญชี พล.ร.ท.พระจุณณ์ ตามประทีป นายทหารคนสนิทของ พล.อ.เปรม
และนายพานทองแท้ ยังระบุอีกว่า เป็นเงินก้อนเดียวกันกับที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินคดีกับตนเองในข้อหาฟอกเงินว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว เท่าที่ตนทราบนั้นคือ เจตนาของผู้บริจาคต้องการบริจาคเงินเข้ามูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ แต่ในเช็คได้ใส่ชื่อของ พล.อ.เปรม แต่ พล.อ.เปรม ก็ได้ส่งเช็คบริจาคเงินดังกล่าวต่อเข้ามูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษเรียบร้อย ซึ่งไม่ได้นำเงินมาใช้ส่วนตัว
ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ คงตรวจสอบแล้ว เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว และยืนยันเงินดังกล่าวได้ส่งต่อเข้าการกุศลจริงๆ พล.อ.เปรมไม่ได้นำมาใช้ส่วนตัว
อย่างไรก็ดี เรื่องนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่นายพานทองแท้ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก
"Oak Panthongtae Shinawatra" และกล่าวโจมตี พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ จากกรณีดังกล่าววานนี้ ซึ่งหลักใหญ่ใจทำนองว่า "มีคนส่งรูปเช็ค 2 ฉบับและใบนำฝากของธนาคาร มาให้ตนดู โดยเขาระบุ เช็ค 2 ฉบับสั่งจ่ายเงินเข้าบัญชีคนดังระดับประเทศ และเป็นเงินก้อนเดียวกันกับที่ดีเอสไอกำลังเอาเรื่องตัวเขา ข้อหาฟอกเงินในคดีเงินกู้แบงค์กรุงไทย จึงอยากให้สังคมช่วยกันตรวจสอบ
โดยพานทองแท้ระบุ เช็คฉบับที่ 1 เป็นเช็คสั่งจ่ายโดยระบุชื่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จำนวนเงิน 250,000 บาท มีลายเซ็น พล.อ.เปรมฯ เซ็นชื่อกำชับแบบชัดๆว่า ให้นำเงินก้อนนี้ไปฝากเข้าบัญชีมูลนิธิของตัวเอง ขณะเช็คฉบับที่ 2 เป็นเช็คสั่งจ่ายเงินสด ซึ่งเช็คใบนี้ถูกนำไปเข้าบัญชี พล.ร.ท.พระจุณณ์ ตามประทีป นายทหารคนสนิท ของพล.อ.เปรมฯ ดังรายละเอียดทั้งหมดที่พานทองแท้ ระบุ คือ
วันก่อนมีคนส่งรูปเช็ค 2 ฉบับและใบนำฝากของธนาคาร มาให้ผมดูครับ
ผมลองเอาไปให้ใครดู ต่างก็ร้อง “เฮ้ย..จริงดิ” ทุกคนไป
ผมจึงอยากให้สังคมช่วยกันตรวจสอบ และช่วยกันกระตุ้นให้หน่วยงานของรัฐ ทั้ง ปปง. และ ดีเอสไอ ตลอดจนผู้มีอำนาจในรัฐบาล ช่วยออกมายืนยันว่า รูปถ่ายเช็คดังกล่าว เป็นของจริงหรือไม่?
หากว่าจริง เหตุใดทั้ง ปปง. และ ดีเอสไอ จึงไม่มีการดำเนินคดีกับผู้ที่มีชื่อรับผลประโยชน์ เพราะคนที่ส่งรูปมาให้นั้นยืนยันว่า ทั้ง 2 หน่วยงาน ต่างก็มีหลักฐานเดียวกันนี้เก็บไว้ทั้งคู่ แต่ไม่เคยมีใครยอมปริปาก..!!
เช็ค 2 ฉบับนี้ ได้สั่งจ่ายเงินเข้าบัญชีคนดังระดับประเทศ และเป็นเงินก้อนเดียวกันกับที่ดีเอสไอกำลังเอาเรื่องพานทองแท้ ข้อหาฟอกเงินในคดีเงินกู้แบงค์กรุงไทย อยู่ ณ เวลานี้
ลองดูรายละเอียดในรูป โดยผมจะขอสรุปให้สั้นๆ ดังนี้นะครับ
>>เช็คฉบับที่ 1<<
เป็นเช็คสั่งจ่ายโดยระบุชื่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จำนวนเงิน 250,000 บาท มีลายเซ็น พล.อ.เปรมฯ เซ็นชื่อกำชับแบบชัดๆว่า ให้นำเงินก้อนนี้ไปฝากเข้าบัญชีมูลนิธิของตัวเอง...โอ้ววว..!!
>>เช็คฉบับที่ 2<<
เป็นเช็คสั่งจ่ายเงินสด ซึ่งเช็คใบนี้ถูกนำไปเข้าบัญชี พล.ร.ท.พระจุณณ์ ตามประทีป นายทหารคนสนิท ของพล.อ.เปรมฯ โดยมีเลขที่เช็คมันส์สุดติ่ง คือหมายเลข 2724851 ซึ่งติดกับเลขที่เช็คที่สั่งจ่ายให้ผม คือหมายเลข 2724852 ลงวันที่สั่งจ่ายวันเดียวกันเป๊ะ...เยสสส..!!
ที่สำคัญเช็คทั้ง 2 ฉบับนี้หนักกว่าเรื่องที่ดีเอสไอตั้งขึ้นมาเพื่อเอาผิดผมเยอะ เนื่องจากเช็คที่ถูกตีมาเพื่อเข้าบัญชีผมนั้น ได้ถูกยกเลิกในวันเดียวกัน และสามารถแสดงหลักฐานได้ว่าเงินทั้งหมด ได้ถูกนำไปคืนทุกบาททุกสตางค์ และคืนไปตั้งแต่เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว มีหลักฐานทางธุรกรรมฯชัดเจน
ส่วนเงินที่โอนเข้า 2 บัญชีนี้ อย่าว่าแต่จะนำมาคืนเลย เงินที่บอกว่าได้มาจากการกระทำความผิดนี้ ถูกนำไปใช้สอยอย่างสบายใจ ไร้การตรวจสอบ โดยผ่านมา 10 กว่าปี ยังไม่ปรากฏร่องรอยการคืนเงินให้เห็นแม้แต่บาทเดียว
เงินก้อนเดียวกัน ส่วนหนึ่งโอนเข้าบัญชีผม ซึ่งได้โอนคืนกลับหมดแล้ว ถูกกล่าวหาว่ามีความผิด แต่เงินอีกส่วนหนึ่งโอนเข้าบัญชีคนอื่น ถูกนำไปจับจ่ายใช้สอยอย่างสบายใจ กลับปราศจากความผิดใดๆ แบบนี้คงไม่มีใครยอมแน่ครับ
ทนายของผมได้ส่งข้อมูลหลักฐานของเช็คทั้ง 2 ฉบับนี้ และข้อมูลอื่นๆ เป็นจดหมายลงทะเบียน ไปถึงคณะกรรมการของดีเอสไอที่มีหน้าที่พิจารณาคดีนี้เป็นรายบุคคลแล้วนะครับ จึงถือว่าทุกท่านได้รับทราบข้อผิดสังเกต และได้ทราบประเด็นที่ไม่ชอบมาพากลไปแล้ว
หลังจากนี้ถ้ามีการกระทำอะไรที่เป็นสองมาตรฐาน และไม่ให้ความเป็นธรรมกับผมอีก ผมคงต้องขอสงวนสิทธิ์ในการปกป้องตัวเองจนถึงที่สุด ในทุกตัวบทกฎหมาย ตลอดอายุความที่สามารถจะกระทำได้
จะหาเรื่องเอาคนอื่นเข้าคุก โดยที่เขาไม่ได้กระทำความผิด เล่นกันแรงแบบนี้ คงไม่มีใครปล่อยให้ Free Kick กันง่ายๆครับ