"รัฐบาลเฉพาะกาล-พ่อใหญ่จิ๋ว"! เล่นเอา"แดง"ระส่ำ "ตู่"ถึงกับโซ้ย "เต้น" อย่าโลกสวย-เล่นลิเกการเมือง แถมไม่สนหากเลิกคบ 

"รัฐบาลเฉพาะกาล-พ่อใหญ่จิ๋ว"! เล่นเอา"แดง"ระส่ำ"ตู่"ถึงกับโซ้ย"เต้น" อย่าโลกสวย-เล่นลิเกการเมือง แถมไม่สนหากเลิกคบ 

"รัฐบาลเฉพาะกาล-พ่อใหญ่จิ๋ว"! เล่นเอา "แดง" ระส่ำ "ตู่" ถึงกับโซ้ย "เต้น" อย่าโลกสวย-เล่นลิเกการเมือง แถมไม่สนหากเลิกคบ 

 

ดูเหมือนการออกมาพูดคุยทางการเมืองของ "พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ" อดีตนายกรัฐมนตรียุคกู้หนี้ IMF กับ "นายจตุพร พรหมพันธุ์" ประธาน นปช. เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน จะทำให้เห็นรอยปริแยกบางประการของ "ขบวนการเสื้อแดง" ขึ้นแล้ว...ไม่มากก็น้อย

 

เพราะหลังจากที่ "พล.อ.ชวลิต" แสดงความเห็นในวันนั้น ซึ่งเนื้อหาหลัก ๆ ก็คือ "การเรียกร้องให้มีการจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล เข้ามาแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ใช้เวลาประมาณ 2 ปี แล้วนำรัฐธรรมนูญ 2540 มาปรับแก้ไข และใช้แทนฉบับปัจจุบันก่อนเลือกตั้งใหม่ โดยอ้างว่า หากไม่ทำเช่นนั้น จะเกิดความแตกแยก นำไปสู่การทะเลาะไม่สิ้นสุด"  


 

โดย พล.อ.ชวลิต ระบุว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เมื่อมีการเลือกตั้ง ก็ต้องจัดตั้งรัฐบาลที่จะต้องรวมตัวกันประกอบด้วยหลายพรรค ที่มีกว่า 20 พรรค เพื่อจะได้ไม่แตกแยก หรือหากฝืนใช้รูปแบบเดิม จะนำไปสู่การทะเลาะไม่สิ้นสุด และคิดว่าการที่จะปล่อยให้มีการเลือกตั้งเช่นนี้อย่าให้มีเลย แต่ควรให้มีรัฐบาลเฉพาะกาลเข้ามาแก้ปัญหาเฉพาะหน้า วันนี้ต้องเซ็ตซีโร่เพื่อไปสู่สิ่งที่ถูกต้อง ฯลฯ" พล.อ.ชวลิต กล่าวอ้าง พร้อมเรียกร้องให้ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรีลาออกในคราวเดียวกันด้วย

 

ข้อเรียกร้องของ "พล.อ.ชวลิต" ทำให้ "อำมาตย์เต้น" หรือ "นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" อีกหนึ่งแกนนำแดงตัวเอ้ออกมาฉะ "พ่อใหญ่จิ๋ว" ทันทีด้วยสายตาของนักประชาธิปไตยใหญ่ว่า "การมีรัฐบาลเฉพาะกาล ไม่เป็นไปตามหลักประชาธิปไตย แถมอาจถูกมองเป็นเจตนาล้มการเลือกตั้ง ฯลฯ"

 

"ณัฐวุฒิ" ระบุ และถึงแม้เขาพยายามลดทอนความขัดแย้ง จากการแสดงความเห็นต่างในเรื่องนี้ ด้วยการออกตัวเอาไว้แต่ต้นเลยว่า "ตนมีจุดร่วมที่ชัดเจนกับ พล.อ.ชวลิต และเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่าท่านปรารถนาดีต่อชาติบ้านเมืองก็ตาม แต่ข้อความข้างต้นก็ดูจะสร้างรอยปริแยกขึ้นแล้วจริงๆ และสื่อหลายสำนักก็ยืนยันไปในทางนั้น

 

เพราะหลังจากนั้นไม่เกิน 48 ชั่วโมง  "นายจตุพร" ซึ่งร่วมแถลงอยู่กับ "พล.อ.ชวลิต" ในวันนั้นด้วยถึงกับออกมาสวนปาก "นายณัฐวุฒิ" ตรง ๆ โดยนายจตุพรถึงกับระบุบางช่วงตอนว่า "หากต้องแสดงบทนักประชาธิปไตยจ๋าโดยไม่ต้องพูดความจริงกับประชาชนนั้น ไม่ใช่สันดานคนอย่างตน ตายไปก็เป็นคนอย่างนี้ สิ่งที่เราจะพูดกันนั้นมันตายกันมาถึงขนาดนี้จะมาพูดให้สวยกันอยู่ได้ยังไง มันต้องพูดความจริงให้กันไม่ใช่เหรอ คือถ้าเพิ่งคบกันมาก็ว่ากันไปอย่าง นี่คบกันคนแล้วคนเล่าตายกันไปตายกันมาเนี่ย ป่วยกันไปป่วยกันมา ยังมาพูดแบบลิเก สวยไปสวยมากันอยู่ ไม่ใช่สันดานคนอย่างผม ผมถึงบอกว่าใคร่คบก็คบ ไม่คบก็อย่าคบ ผมก็เป็นคนของผมอย่างนี้ไปจนตายนั่นแหล" นายจตุพร ระบุ และถึงแม้ถ้อยคำเหล่านั้นจะไม่ได้เอ่ยชื่อผู้ใด แต่สื่อหลายสำนักก็มองตรงกันว่า...น่าจะหมายถึง...นายณัฐวุฒิแน่

 

เรื่องนี้ดูจะชัดเจนขึ้นอีก เมื่อหลังจากนั้นไม่นาน มีกระแสข่าววงในพูดกันแน่นหนาว่า "นางธิดา ถาวรเศรษฐ" ซึ่งเป็นที่ปรึกษาที่แกนนำแดงทั้งคู่ให้ความเคารพ พยายามเข้ามาเป็นผู้ประสาน ไกล่เกลี่ยความเห็นแย้ง...ตอบโต้ผ่านสื่อของบุคคลทั้ง 2 เพื่อยุติรอยปริแยก...เพราะหวั่นเกรงว่า...รอยร้าวนั้นจะซึมลึก และทำให้ "ขบวนการเสื้อแดง" เสียขบวนได้...แม้ในระยะเวลาอันใกล้...รอยปริแยกที่อาจทำให้ถึงกับล่มสลายยังอาจจะเป็นเรื่องห่างไกล....เพราะอย่างน้อยยังไง ๆ ก็ต้องรวมกำลังกันสู้...เลือกตั้งหนนี้ร่วมกันไปก่อนก็ตาม...แต่อย่าลืมว่า...ท่าทีของนายจตุพรเอง...หลังออกจากคุกมานั้น...เปลี่ยนไปมากแล้วจริง ๆ