จากกรณีเกิดกระแสในโซเชียลเป็นอย่างมาก เมื่อมีการปล่อยข่าวลือถึงการย้ายขั้วของกลุ่มสามมิตร โดยมีการอ้างนำภาพกราฟฟิคของ THE PUBLIC ซึ่งด้านหน้าทำเป็นรูปของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคพลังประชารัฐ มีข้อความพาดบนปกว่า สมศักดิ์เตรียมขน 30 ส.ส.ซบเพื่อไทย หากไม่ได้คุมเกษตร” ส่วนภาพด้านหลังสีขาวดำเป็นรูปของนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กำลังชูมืออยู่กับนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ตอนนี้จึงมาติดตามกันในตอน สมศักดิ์ไม่ย้ายพรรคซัดเจ๊หน่อยคำพูดไม่น่าเป็นคุณหญิง แฉเคยมาหาถึงบ้าน

ย้อนทวนความเรื่อง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ได้ออกมากล่าวถึงกระแสข่าวในโซเชียลที่ว่า กลุ่มสามมิตรที่นำโดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ของพรรคพลังประชารัฐ อาจย้ายกลับมาพรรคเพื่อไทย เพราะไม่พอใจที่ไม่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่า เคยบอกแล้วว่า คนที่ย้ายออกไป ขอให้ไปแล้วก็ไปลับ กรวดน้ำให้แล้ว พรรคเพื่อไทยไม่มีผลประโยชน์ ต้องการคนจริงใจไปช่วยประชาชน ไม่ใช่คนที่อ้างประชาชนไปหาผลประโยชน์ คนบางกลุ่มที่ย้ายออกจากพรรคไปแล้วก็ไม่จำเป็นต้องกลับมา

ต่อมาทางพรรคพลังประชารัฐได้มีรายงานแจ้งต่อสื่อมวลชนว่า นายสมศักดิ์ ได้นัดสื่อมวลชนแถลงข่าวด้วยตัวเอง และคาดว่าประเด็นที่จะแถลงคือ กรณีโควต้ารัฐมนตรีที่ต้องจัดสรรให้กับพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ยังตกลงกันไม่ได้ระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และคาดว่าจะมีการพูดถึงกรณีการปล่อยข่าวลือโจมตีในเรื่องที่จะนำ30ส.ส.กลุ่มสามมิตรย้ายกลับไปอยู่พรรคเพื่อไทยด้วย

ล่าสุดนายสมศักดิ์ ได้แถลงต่อสื่อมวลชนแล้ว โดยมีเนื้อหาบางช่วงระบุว่า ยืนยันไม่ย้ายจากพรรคพลังประชารัฐ “ผมไม่มีปัญหาเรื่องตำแหน่งที่มีข่าวว่าแย่งเก้าอี้เกษตรฯกัน โดยตามประเพณีปฏิบัติกันมา เมื่อทุกพรรคส่งรายชื่อรัฐมนตรีแล้วต้องให้นายกรัฐมนตรีดูอีกครั้งหนึ่ง เราทำกันมาแบบนี้ ส่วนที่คุณหญิงสุดารัตน์ออกมาไล่ส่งไปแล้วให้ลับ จะกรวดน้ำไปให้แล้วนั้น  ผมไม่ได้ยินจากคุณหญิงพูด

แต่อยากจะบอกว่าก่อนเลือกตั้ง คุณหญิงสุดารัตน์ได้เดินทางไปหาผมที่บ้าน ชวนมาอยู่ด้วย แต่ผมบอกปฏิเสธ คนประเภทนี้อย่างที่พูดกันคือประเภทองุ่นเปรี้ยวมะนาวหวาน แทบไม่น่าเชื่อว่า ท่านเป็นถึงคุณหญิง แต่เมื่อพูดออกมาแล้ว ไม่น่าเป็นคำพูดของคนที่เป็นคุณหญิง แล้วผมก็ยังเคยได้ยินคนในพรรคของท่าน พูดถึงท่านแบบเดียวกับที่ท่านพูดถึงผมด้วย”

หากดูประวัติ คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เข้าสู่แวดวงการเมืองครั้งแรกในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2535 ได้เป็น ส.ส. ในเขตกรุงเทพมหานคร ในเขต 12 (มีนบุรี, บางเขน, หนองจอก, ดอนเมือง ยกเว้นแขวงทุ่งสองห้อง) ของพรรคพลังธรรม

แต่หลังจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ได้วางมือทางการเมืองแล้ว พรรคพลังธรรมก็ได้ผลัดเปลี่ยนหัวหน้าพรรคหลายคน มาจนถึง ทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรค คุณหญิงสุดารัตน์ก็ได้สนิทสนมกับ ทักษิณ ชินวัตร พร้อมกับสมาชิกพรรคอีกหลายคนซึ่งส่วนใหญ่เป็น ส.ส. ในกรุงเทพมหานคร ในการเลือกตั้งปี พ.ศ. 2539 พรรคพลังธรรมมี ส.ส. เหลือเพียงคนเดียว คือ คุณหญิงสุดารัตน์นี่เอง และในปี พ.ศ. 2541 เมื่อ ทักษิณ ชินวัตร ได้ออกมาก่อตั้งพรรคไทยรักไทย คุณหญิงสุดารัตน์ก็เป็นหนึ่งใน 23 บุคคลที่ร่วมก่อตั้งพรรคด้วย และก็ได้ร่วมงานกับทางพรรคมาจนบัดนั้น

ในปี พ.ศ. 2543 คุณหญิงสุดารัตน์ได้ลงรับสมัครเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในนามของพรรค ได้เบอร์ 5 โดยคู่แข่งขันสำคัญ คือ สมัคร สุนทรเวช ผลการเลือกตั้งปรากฏว่าสมัครชนะด้วยคะแนนที่ท่วมท้น

หลังจากนั้นในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี พ.ศ. 2544 คุณหญิงสุดารัตน์ได้ย้ายไปลงในระบบบัญชีรายชื่ออันดับต้น ๆ ของพรรค รวมทั้งการเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2548 ในปี พ.ศ. 2548 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ทำให้สามารถใช้คำนำหน้านามว่า "คุณหญิง" โดยบทบาทในพรรคของคุณหญิงสุดารัตน์เป็นที่รับรู้กันว่า มีอิทธิพลสูง มีสมาชิกในสังกัดอยู่ในความดูแลหลายคน ซึ่งเป็น ส.ส. ในพื้นที่กรุงเทพมหานครทั้งหมด โดยมีฉายาที่เรียกตามชื่อเล่นที่ชื่อ "หน่อย" ว่า "เจ๊หน่อย"

ต่อมาในปี พ.ศ. 2550 ได้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยซึ่งถูกยุบในคดียุบพรรคการเมือง พ.ศ. 2549

ในเหตุการณ์การชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ พ.ศ. 2553 จรัล ดิษฐาอภิชัยได้กล่าวยอมรับว่ามีการให้เงินสนับสนุนจากคุณหญิงสุดารัตน์

 

ซึ่งขณะนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ ถูกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ห้ามทำธุรกรรมทางการเงินและต่อมา คุณหญิงสุดารัตน์ ได้ออกมาขู่ฟ้องร้องอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา มติคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีชี้มูลความผิดโครงการจัดทำระบบคอมพิวเตอร์เพื่อการบริหารข้อมูลข่าวสารด้านการเงิน การคลัง และข้อมูลโรงพยาบาลปลัดกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2547 ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติได้ชี้มูลว่า คุณหญิงสุดารัตน์ มีความผิดในโครงการดังกล่าว