ตำรวจฝากขัง สมยศ กับ 13 รีเดม ก่อเหตุประท้วงปล่อยแกนนำคณะราษฎร

ยื่นฝากขัง นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข อายุ 59 ปี แนวร่วมม็อบคณะราษฎร ผู้ต้องหาตามหมายจับที่ 732/2564 ลงวันที่ 11 พ.ค.2564 ในความผิดฐาน ร่วมกันดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณา ,ร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป

วันนี้ ( 14 พ.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พ.ต.ต.กิตติศักดิ์ จูสกูลวิจิตร์ พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ได้ยื่นคำร้องฝากขังผู้ต้องหาประท้วงก่อความวุ่นวายบริเวณหน้าศาลอาญา รวม 2 สำนวน โดยสำนวนแรก คดี ฝ.547/2564 ผู้ต้องหา 13 คน ประกอบด้วย นายศุภกิจ บุญมหิทานนท์อายุ 19 ปี , นายวีรภาพ วงษ์สมาน อาย18 ปี , นายปรณัท น้อยนงค์เยาว์ อายุ 25 ปี , นายพัชรวัฒน์ โกมลประเสริฐกุล อายุ18 ปี น.ส.จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ อายุ22 ปี , ว่าที่ รต.อิทธิกร ทรัพย์แฉ่ง อายุ 21 ปี , น.ส.ปรัชญา สานจิตสัมพันธ์ อายุ 24 ปี ,น.ส.สุทธิตา รัตนวงศ์ อายุ 23 ปี , นายโสภณ สุรฤทธิ์ธำรง อายุ 22 ปี ,นายศรัณย์อนุรักษ์ปราการ อายุ 21 ปี ,นายชาติชาย แกดำอายุ 37 ปี , นายชนกันต์ เคืองไม่หาย อายุ 19 ปี และนายยงยุทธ ฮังนนท์ อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาที่ 1-13 

ตำรวจฝากขัง สมยศ กับ 13 รีเดม ก่อเหตุประท้วงปล่อยแกนนำคณะราษฎร

ส่วนสำนวนที่สอง คดี ฝ.548/2564 ยื่นฝากขัง นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข อายุ 59 ปี แนวร่วมม็อบคณะราษฎร ผู้ต้องหาตามหมายจับที่ 732/2564 ลงวันที่ 11 พ.ค.2564 ในความผิดฐาน “ร่วมกันดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณา ,ร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยผู้กระทำผิดคนหนึ่งคนใดมีอาวุธและเมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมเพื่อกระทำความผิดตามมาตรา 215 ให้เลิกไปแต่ผู้กระทำไม่เลิกมั่วสุม, ร่วมกันชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีการรวมคนที่แออัดเกินกว่า 20 คนโดยไม่ได้รับอนุญาตในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพทยระบาดและอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคติดต่อ, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่”  มาขออนาจศาลฝากขังที่ศาลอาญาครั้งแรก

โดยในคำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า ก่อนเกิดเหตุ อัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 ได้ยื่นฟ้อง นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ ต่อศาลอาญาในความผิดฐาน“ หมิ่นประมาทดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์พระราชินีรัชทายาทกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนฯ เป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะฯ และศาลได้ออกหมายขังนายพริษฐ์ ไว้ในระหว่างพิจารณาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หลังจากนั้นนางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์มารดาของจำเลย ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลปล่อยตัวชั่วคราว นายพริษฐ์ อยู่หลายครั้งซึ่งศาลพิจารณาแล้วไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ต่อมาเมื่อวันที่ 29 เม.ย.64 นางสุรีย์รัตน์ ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลปล่อยตัวชั่วคราวนายพริษฐ์ อีกครั้ง 

ซึ่งในวันดังกล่าวปรากฏว่าได้มีกลุ่มมวลชนประมาณ 200 คนเข้ามารวมตัวชุมนุมมั่วสุมกัน ที่บริเวณหน้ามุขตรงบันไดทางขึ้นอาคารศาลอาญา โดยมีนายสมยศ ผู้ต้องหาที่เป็นแกนนำปราศรัยโดยใช้เครื่องขยายเสียง ซึ่งเนื้อหาสำคัญในคำปราศรัย เป็นการตำหนิการทำหน้าที่ของศาลที่ใช้ดุลพินิจไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวนายพริษฐ์ และมีการปลุกเร้าให้กลุ่มผู้ชุมนุมเห็นพ้องกับเนื้อหาที่ปราศรัยรวมถึงการแสดงความไม่พอใจในการทำหน้าที่ของศาลโดยมีการโห่ร้องด่าทอ แสดงอาการไม่พอใจ และตะโกนให้ศาลต้องมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว นายพริษฐ์กับพวกซึ่งเป็นจำเลยในคดีที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่มีการยื่นขอให้ปล่อยตัวชั่วคราว ตามที่กลุ่มผู้ชุมนุมต้องการจนเป็นเหตุให้เกิดความวุ่นวายและเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้าไปควบคุมสถานการณ์เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเนื้อหาที่กลุ่มมวลชนได้กล่าวปราศรัยนั้นมีถ้อยคำบางคำที่เป็นการหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณาคำร้องขอให้ปล่อยตัวชั่วคราวดังกล่าว และเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นภายในบริเวณที่ทำการของศาลซึ่งมีข้อกำหนดของศาลเพื่อรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยภายในบริเวณศาล คือไม่ให้ประพฤติตนใช้คำพูดหรือกริยาในทางที่ก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยส่งเสียงดัง ปรากฏว่าระหว่างที่มีการชุมนุมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าไปประกาศข้อกำหนดดังกล่าวข้างต้นให้กลุ่มผู้ที่ชุมนุมได้ทราบและให้เลิกชุมนุมแล้วแต่กลุ่มผู้ชุมนุมก็ไม่ปฏิบัติตาม แต่อย่างใดอีกทั้งยังปรากฏว่าในการชุมนุมดังกล่าวได้มีการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กทางเพจแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมนัดหมายวันและเวลา

มวลชนมาพบกันที่บริเวณศาลอาญาหลังจากการชุมนุมเรียกร้องในวันดังกล่าวได้ยุติไปแล้วและเห็นว่าการชุมนุมกดดันไม่เป็นผลกลุ่มผู้ชุมนุมก็ได้มีการนัดหมายเพื่อมาชุมนุมกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากเพจของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ และการชุมนุมแล้ว ก็ยังมีกลุ่มเยาวชนปลดแอกมาร่วมชุมนุมด้วยโดยพบว่ามีการโพสต์ข้อความในเพจเยาวชนปลดแอก (Free Youth) เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2564 นัดหมายให้เดินทางมาร่วมชุมนุมเพื่อกดดันศาลในการพิจารณาปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยกับพวกที่บริเวณหน้าศาลอาญาในวันที่ 2 พ.ค. 2564

ต่อมาเมื่อวันที่ 2 พ.ค.2564 เวลา 12.00-22.00น. ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 500 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้ต้องหาที่ 1-13 ปรากฎ เข้ามารวมตัวกันที่บริเวณด้านหน้าศาลอาญาและมีการทำกิจกรรมนำภาพถ่ายของผู้พิพากษาซึ่งทำหน้าที่ในการพิจารณาสั่งคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวดังกล่าวมาปิดไว้ที่บริเวณป้ายชื่อหน้าศาล จากนั้นได้มีการนำสีและของเหลวสีแดงมาเทราดที่ป้ายชื่อของศาล และที่ภาพของผู้พิพากษา อีกทั้งยังได้มีการยิงหนังสติ๊กขว้างปาไข่ มะเขือเทศ ขยะ ก้อนหินและสิ่งของต่างๆเข้ามาในบริเวณศาล พร้อมทั้งตะโกนเรียกร้องให้ศาลปล่อยตัวจำเลย เปิดเครื่องขยายเสียงซึ่งมีถ้อยคำกล่าวหาผู้พิพากษาผู้ทำหน้าที่ที่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่าเป็นฆาตกรพร้อมทั้งนำข้อมูลส่วนตัวของผู้พิพากษาเช่นบุคคลในครอบครัวถิ่นที่อยู่มาเปิดเผยและประกาศให้ผู้ชุมนุมทราบ

หลังจากนั้นทางพนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่ 1-13 และนายสมยศ ตามหมายจับศาลอาญาที่ที่ 732-745/2564 ลงวันที่ 11 พ.ค2564 ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดได้เข้ามามอบตัวในวันนี้ (14 พ.ค.) ที่ สน.พหลโยธิน เมื่อเวลา 11.00 น. เหตุเกิดที่บริเวณ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษกแขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาที่ 1-13 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

อย่างไรก็ตาม การกระทำของผู้ต้องหาทั้งหมด เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 198,215,216 ประกอบมาตรา 83 พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มาตรา9, 18 พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มาตรา 34 ประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่องสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว ฉบับที่ 25 ลงวันที่ 25 เม.ย. 2564 พระราชบัญญัติควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. 2493 มาตรา4,9  ทางพนักงานสอบสวนยังต้องสอบพยานอีก 10 ปาก , รอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหาที่1 - 13 มาประกอบสำนวนการสอบสวน จึงขออนุญาตศาลฝากขังผู้ต้องหาที่1-13 มีกำหนด 12 วัน นับตั้งแต่วันที่ 14 - 25 พ.ค.2564 โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราวของผู้ต้องหาทั้ง 13 ราย เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงหากผู้ต้องหาที่ 1-13ได้รับการปล่อยชั่วคราว เกรงว่าจะหลบหนีและยากแก่การติดตามตัวมาดำเนินคดีในภายหลัง

ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาทั้งหมดแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้ ต่อมาผู้ต้องหาพร้อมทนายความได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล

ตำรวจฝากขัง สมยศ กับ 13 รีเดม ก่อเหตุประท้วงปล่อยแกนนำคณะราษฎร