รองผู้ว่าฯกทม. ยื่นลาออก จากพรรคพลังประชารัฐ

ในขณะที่การเลือกตั้ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และประชาชนก็ต่างจับตาการลงพื้นที่หาเสียงและเสนอนโยบายให้กับประชาชนของเหล่าผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. อยู่นั้น กลับมีรายงานแจ้งว่า นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ทำหนังสือลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยมีผลในวันที่ 23 ธันวาคม
 

โดยก่อนหน้านี้ นายสกลธี ได้กล่าวถึงกระแสเตรียมลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ว่าอยู่ระหว่างตัดสินใจ และหากลงสมัคร คงไม่ลงในนามพรรคพลังประชารัฐ เพราะไม่ได้ใกล้ชิดกับพรรคมาระยะหนึ่งเหมือนช่วงแรก ๆแล้ว และอาจมีพี่ๆ แกนนำ กปปส. มาช่วยในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ด้วย

 
นอกจากนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีความพร้อมในการสมัครผู้ว่าฯกทม.หรือไม่ นายสกลธี ตอบกลับไปว่า มีความพร้อม เพราะได้ทำงานในส่วนของท้องถิ่น เป็นรองผู้ว่าฯกทม.มาจนถึงเดือนเมษายน 65 ก็จะครบ 4 ปี และไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับงานการเมืองระดับชาติเลย

อีกทั้งก่อนหน้านี้ นายสกลธี ได้เดินทางเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล คาดว่าไม่เกินกุมภาพันธ์ 2565 นายสกลธี จะประกาศเปิดตัว ลงแข่งชิงผู้ว่าฯกทม. ภายใต้แคมเปญสางงานเก่า-สานงานใหม่

นอกจากนี้ นายสกลธี ยังได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กระบุข้อความอีกด้วยว่า "ตลอดช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมากรุงเทพมหานครได้ทยอยเคลื่อนย้ายสิ่งกีดขวางบนทางเท้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตู้โทรศัพท์สาธารณะที่เลิกใช้แล้วหรือป้ายโฆษณาต่างๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาตอย่างต่อเนื่องเพื่อคืนทางเท้าให้กับพี่น้องประชาชน…

สำหรับวันนี้เป็นการดีเดย์วันแรกในการเคลื่อนย้ายตู้น้ำประปาดื่มได้ที่มีการติดตั้งเอาไว้ประมาณ 400 จุด ตั้งแต่ปี 2542 โดยท่านผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ลงนามยกเลิกข้อตกลงร่วมกับการประปานครหลวงเพื่อเคลื่อนย้ายตู้น้ำดังกล่าว เนื่องจากบริบทในการใช้งานได้เปลี่ยนไปตามยุคสมัยประกอบกับการระบาดของไวรัสโควิด 19 

โดยได้ให้เวลาการประปานครหลวงในการเคลื่อนย้ายเองตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 ซึ่งจะครบกำหนดตามหนังสือที่กรุงเทพมหานครได้ประสานให้เวลาการประปานครหลวงรื้อย้ายเอง วันนี้จึงได้เริ่มทยอยรื้อย้ายและจะดำเนินการให้หมดภายใน 3 เดือนครับ เออการเคลื่อนย้ายส่วนใหญ่จะทำในเวลากลางคืนแต่บางจุดอาจจะทำในเวลากลางวันส่งผลกับความไม่สะดวกบ้างต้องขออภัยมานะที่นี้นะครับ #กรุงเทพฯ จะดีได้ถ้าเราช่วยกัน #ourbkk"