- 27 ส.ค. 2559
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tnews.co.th
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณด้านหน้าธนาคารกสิกรไทย สาขาสุรินทร์ ได้พบผู้คนจำนวนมาก ต่างพากันเข้าแถวรอ หลังรับบัตรคิว จากร้าน "สตังค์" ขนมโตเกียว มี นางเจนจิรา เรืองโรจน์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42 บ้านโคกมะเมียน ม.9 ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ เป็นเจ้าของร้านดังกล่าว ซึ่งเป็น รถเข็นพ่วง ติดเตาทำขนม ถังแก๊ส LPG ดัดแปลงต่อพ่วงเข้ากับรถจักรยานยนต์ จอดอยู่ข้างถนน
ผู้สื่อข่าวจึงเข้าสำรวจ และตรวจสอบ พบมีการนำบัตรจอดรถยนต์ สีเหลือง ที่หาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไป มาฉีกแยกลูกค้าหรือให้ลูกค้ามาฉีกเอาเอง เพื่อหลักฐานบัตรคิว ตามลำดับ เพื่อรอรับขนมโตเกียวที่สั่งไว้โดยจำหน่าย ไส้เค็ม 15 , 25 บาท ไส้หวาน 15 บาท และ แพนเค้ก 5 บาท สร้างรายงามกว่าวันละ 7,000 บาท
จากการสังเกตพบว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ มีทุกสาขาอาชีพ ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ ลูกค้าต่างกำบัตรคิว รอประมาณเกือบ 1 ชม.ถึงจะได้รับขนมโตเกียวที่สั่งไว้ หลากรายอริยาบท เพื่อชิมความอร่อย นานแค่ไหนก็รอได้เสมอ ไม่ว่าจะ ยืนรอ นั่งรอ หรือ บางรายฉลาดหน่อย ซิ่งรถจักรยานยนต์ มาฉีกบัตรคิวไว้ก่อน แล้วสั่งทิ้งไว้ โดยระบุเวลามารับขนมโตเกียว
นายรุ่งศักดิ์ กิจประสงค์ ลูกค้าขาประจำ กล่าวว่า ตนได้คิวที่ 18 มารอตั้งแต่เวลา 10.00 น.ตอนนี้เกือบเวลา 11.00 น. ขนมโตเกียวร้านนี้อร่อย นานแค่ไหนก็รอได้ เป็นลุกค้าขาประจำมาสักพักหนึ่งแล้ว ถือว่าเป็นร้านขนมโตเกียวเจ้าแรกของ จ.สุรินทร์ ที่มีการแจกบัตรคิว แล้วให้ลูกค้ารอ รสชาติอร่อย ราคาไม่แพง ให้เยอะมาก คนกินคุ้ม ตนชอบสั่งพิเศษ ราคา 25 บาท
นายวรายุทธ อาษายุทธ ลูกค้าขาประจำ กล่าวว่า ตนเป็นลูกค้ารายแรก ไม่งงที่มีการแจกบัตรคิว เพราะแรกๆยังไม่มีการแจกบัตรคิวให้ลูกค้า ก็เพิ่งมาเห็นตอนหลังเพราะว่ารอคิวมันนาน ต้นเดือนที่ผ่านมาเริ่มมีการแจกบัตคิว ตนก็มาสั่งตลอดก้ไม่เคยได้ เพิ่มมาสั่งรอบนี้แหละถึงได้กิน รสชาติ อร่อย นุ่ม ไส้เยอะมาก ส่วนตนชอบไส้รวม มี เนื้อหมู ไข่นกกระทา ฮอตด็อก อร่อยมา อยากลองมาชิม ก็มาได้ที่ด้านหน้าธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ ใกล้วงเวียนน้ำพุสุรินทร์
ด้าน นางเจนจิรา เรืองโรจน์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42 บ้านโคกมะเมียน ม.9 ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ เจ้าของร้าน สตังค์โตเกียว กล่าวว่า เริ่มต้นจากเป็นสาวโรงงาน บริษัท ส. ขอนแก่น ได้เงินเดือนพอสมควร แต่ค่าใช้จ่ายสูง แม่ไม่สบายบ่อยเลยหอบลูก 3 คน และสามี กลับมาอยู่บ้านที่ จ.สุรินทร์ ถ้าเกิดว่าจะทำงานรับจ้างเขา คิดว่าถ้าเวลาแม่และลูกไม่สบาย ต้องลางานมาดูแล ไม่อยากลางานบ่อยและผลเสียกับตัวเราคือเงินไม่พอใช้ ต้องจำเป็นใช้จ่ายทุกวัน ก็เลคคิดค้าขายดีกว่า ทีแรกเริ่มต้นจาการขายลูกชิ้น แต่ว่ากำไรน้อย ขายแล้วเงินไม่พอใช้ เคยไปยืนดูเขาขายขนมโตเกียว เห็นว่าอาชีพนี้ ขายง่าย ขายดี แต่ตอนนั้นเป็นความคิดว่าเราจะขายเฉยๆ ไม่คิดว่าจะได้มาขายหรือขายดีเหมือนทุกวันนี้
ตอนนั้นคิดเพียงว่าอยากขาย และคิดว่าทำไมจะขายได้ คิดไปและขายลูกชิ้นไปด้วย เริ่มศึกษาสูตรการทำขนมโตเกียว มากว่า 2 ปี หลังกลับมาอยู่บ้าน ขายขนมโตเกียว เพิ่งมาแจกบัตรคิว ได้ประมาณเดือนสองเดือนนี้ เพราะว่าลูกค้าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ บางคนมีหงุดหงิด สั่งก่อนนะ ทำไมไม่ได้ ลูกค้าบางคนก็นั่งรอนาน
เริ่มต้นขายขนมโตเกียวไม่มีทุนแม้แต่บาทเดียว ก็เลยโทรศัพท์หาแม่ย่า แล้วบอกแม่ย่าว่า อยากขายโตเกียว ยอมใจที่แม่ย่าให้เงินมาทำทุนจำนวน 5,000 บาท ก็ซื้อเตามาเลยโดยที่ไม่มีอะไรเลย สูตรเริ่มจากการทดลอง และศึกษาจากอินเตอร์เน็ตส่วนหนึ่ง ประสบการณ์ที่เคยทำงานอยู่กับโรงงานขนมปัง ก็พอมีความรู้เกี่ยวกับแป้ง วิธีการผสม ก็เลยเอาตรงนั้นมาใช้ประโยชน์ ทุกวันขายขนมโตเกียวมีรายได้กว่าวันละ 7,000 บาท หรือเดือนละกว่า 2 แสนบาท แจกบัตรคิวสูงสุด 170-180 ต่อวัน ในแต่ละวันตื่นตั้งแต่ตี 3 สามีไปจ่ายตลาด หาซื้อของ และมาช่วยกันเตรียมของ ซอยฮอตด็อก ซอยของ เพื่อทำไส้ต่างๆ และสามีก็จะทยายทำมาส่งให้เพิ่มเติมเรื่อยๆเพราะสามีจะช่วยเลี้ยงลูกๆอยู่ที่บ้าน เปิดขาย จันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่ 09.00 น.- 20.00 น.
ภาพ / ข่าว : ธนินท์ทัศน์ ภูแก้ว ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.สุรินทร์