- 22 พ.ย. 2559
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tnews.co.th
ชาวบ้านในเขตหมู่ 7 ตำบลฆะมัง อ.เมือง จ.พิจิตร ร้องทุกข์พร้อมชี้ให้ดูจุดอันตรายของถนนทางหลวงหมายเลข 113 พิจิตร-ตะพานหิน ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่าน ที่ก่อนหน้านี้แขวงทางหลวงจังหวัดพิจิตรใช้งบประมาณเกือบ 25 ล้านบาท ( งบ 24,897,000 บาท ) ตั้งชื่อโครงการสุดหรู ว่า "โครงการฟื้นฟูทางหลวงเพื่อคืนสู่สภาพอย่างยั่งยืน" ก่อสร้างเขื่อนหินเพื่อกันแนวตลิ่งพังมิให้กัดเซาะถนน แต่ปรากฏว่าได้ใช้งานมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2558 ผ่านมาได้แค่ 1 ปีเศษ ปรากฏว่าถูกน้ำกัดเซาะพังเสียแล้ว ล่าสุด สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินพิจิตร (สตง.พิจิตร )ลงพื้นที่ตรวจสอบหาข้อเท็จจริง หากพบมีการทุจริตในการก่อสร้าง เตรียมดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้อง
นายสาคร นักรู้ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30/3 ต.ฆะมัง อ.เมือง จ.พิจิตร ชาวบ้านที่อยู่ใกล้กับจุดที่ถนนทรุดตัว เล่าว่า โครงการก่อสร้างดังกล่าวเพิ่งทำแล้วเสร็จเมื่อปีที่ผ่านมา แต่เจอฤดูน้ำหลากเมื่อเดือนสิงหาคม-กันยายน 2559 ก็เกิดแนวเขื่อน ซึ่งเป็นการก่อสร้างโดยใช้วิธีทิ้งหินแล้วมีตาข่ายเส้นลวดยึดก้อนหินไว้เท่านั้น ไม่ได้ตอกเสาเข็ม ดังนั้นเมื่อเจอน้ำพัดมาแนวก่อสร้างดังกล่าวระยะทางประมาณเกือบ 200 เมตร จึงได้พังลงอย่างไม่เป็นท่า เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 59 ที่ผ่านมา
ในส่วนของนายปัญญา ชูสกุล ผอ.แขวงทางหลวงพิจิตร เปิดเผยว่าตนเองเพิ่มมารับตำแหน่งต่อจาก นายเรวัติ บุบผะศิริ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ผอ.แขวงทางหลวงอุตรดิตถ์ ที่ 2 ได้เพียง 1 เดือนเศษ โดยให้รายละเอียดว่า โครงการดังกล่าวเป็นสัญญาได้ลงนามในวันที่ 25 ธันวาคม 2557 โดยสัญญาจ้างเพื่อทำการก่อสร้างโครงการฟื้นฟูทางหลวง เพื่อคืนสู่สภาพอย่างยั่งยืน เป็นทางหลวงหมายเลข 113 ตอนควบคุมที่ 0203 ตอน ฆะมัง-พิจิตร ระหว่างกิโลเมตรที่ 98+894-กิโลเมตรที่ 99+338 เริ่มต้นสัญญาวันที่ 26 ธันวาคม2557 สิ้นสุดสัญญา วันที่ 1 กันยายน 2558 ระยะเวลาทำการ 250 วัน เงินค่างานรวม 24,897,000 บาท
โดยมี บริษัท เคนเบอร์จีโอเทคนิค(ไทยแลนด์) จำกัด เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง และส่งมอบงานในวันที่ 22 กรกฎาคม 2558 และหมดค้ำประกันสัญญาในวันที่ 22 กรกฎาคม 2560 ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดแนวเขื่อนกันตลิ่งพังในครั้งนี้ กำลังสอบหาสาเหตุที่เกิดขึ้น รวมถึงได้แจ้งผู้รับเหมา ซึ่งสัญญายังอยู่ในระหว่างค้ำประกันให้มาดำเนินการซ่อมแก้ไขงานดังกล่าวแล้ว รวมถึงบอกต่ออีกว่าเมื่อวันศุกร์ที่ 18 พ.ย. 59 ที่ผ่านมา สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ( สตง.พิจิตร )ก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาขอข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งตนเองก็ได้ให้ความร่วมมือตอบข้อซักถามทุกอย่าง รวมถึงให้เอกสารตามที่ สตง.ขอมา ส่วนการปฏิบัติงานก็ทำได้เพียงติดตั้งป้ายและไฟส่องสว่างบริเวณจุดที่เกิดเหตุเพื่อเตือนและป้องกันผู้ที่ใช้ยานพาหนะบนเส้นทางกดังกล่าวแล้ว
ภาพ/ข่าว : สิทธิพจน์ เกบุ้ย ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.พิจิตร