- 23 พ.ย. 2559
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tnews.co.th
วันที่ 23 พ.ย.2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลายเป็นกระทู้เด็ดที่จั่วหัวข้อได้ค่อนข้างดราม่า และเมื่อคลิกอ่านรายละเอียด กลับกลายเป็นเรื่องที่ดีๆที่เกิดขึ้นในสังคมไทย กรณีหนุ่มรายหนึ่งเรียกซื้อมะพร้าวอ่อน 1 ลูกจากรถเข็นขายผลไม้ โดยมีคุณลุงแก่ๆ เป็นพ่อค้าผลไม้ ด้วยความที่คุณลุงมีอายุมาก จึงทำให้ไม่มีเรี่ยวแรงในการหยิบจับสิ่งของ แม้แต่แรงจะหยิบลูกมะพร้าวขึ้นมาวางบนตู้กระจก หรือแม้แต่แรงจะดึงถุงก๊อบแก๊บ ก็ยังเป็นไปด้วยความยากลำบาก ทำให้หนุ่มคนซื้อมะพร้าวถึงขั้นแทบกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ สงสารลุงคนขายจับใจ โดยระบุว่า ขนาดลุงแกไม่ค่อยมีแรงยังพยายามทำมาหากินเข็นรถผลไม้ขาย จึงหยิบแบงค์ 100 ยื่นให้คุณลุงเพื่ออุดหนุนมะพร้าว 1 ลูก โดยไม่รับเงินทอน ทำเอาคนลุงรายดังกล่าว ซึ้งใจและทำท่าเหมือนจะร้องไห้ด้วยอีกคน
ทั้งนี้ สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบ "รอความเห็นต่อไปมาตอบแล้วกัน" ได้ตั้งกระทู้ หัวข้อ "มะพร้าวอ่อน 1 ลูก ราคา 100 บาท ทำผมน้ำตาไหล ..." โดยได้เขียนรายละเอียด ดังนี้
สวัสดีครับ
วันนี้ผมกับแฟนขับรถกลับบ้านหลังจากทำงานเสร็จ มาถึงบ้านก็หกโมงกว่า บรรยากาศเริ่มมืดลงมากครับ หลังจากจอดรถเสร็จแล้ว ผมกับแฟนก็กำลังเดินกลับขึ้นคอนโด แต่แฟนผมเค้าบ่นอยากกินน้ำมะพร้าวอ่อน ช่วงนี้กำลังท้องลูกชายคนเล็กอยู่ครับ ประกอบกับเหลือบไปเห็นรถเข็นขายผลไม้ที่ผู้ชายคนนึงกำลังเข็นผ่านถนนหน้าคอนโดไปครับ ผมก็เลยวิ่งไปเรียกรถเข็นผลไม้ให้จอดรอก่อน มันมืดเพราะช่วงนี้เข้าหน้าหนาวแล้ว
พอผมเดินไปผู้ชายคนที่ผมเห็นนี้ก็คือ ลุงแก่ๆคนนึง มีรถเข็นขายผลไม้เก่าๆ สภาพรถคือ เก่ามาก ถึงมากที่สุดครับ สภาพในรถเข็นเป็นตู้กระจกใส่ผลไม้ซึ่งมีอย่างละนิดละหน่อย มีผลไม้ดองใส่ถุง มีมะกอกปอกเปลือกแล้ว และมีมะพร้าวอ่อนอยู่สามลูก สภาพมะพร้าวถ้าดูภายนอกเหมือนจะเริ่มดำและเน่า ที่สำคัญลุงคนนี้แกสุขภาพไม่ค่อยดีครับ พูดไม่ค่อยชัด มือไม้ไม่มีแรงเพราะตอนแกเข็นรถแกเข็นช้ามาก ไคลแมกซ์ของผม มันอยู่ตรงนี้ครับ จากบทสนทนา
ผม : ลุงครับ ซื้อมะพร้าวลูกนึงครับ
ลุง : เอาลูกไหนล่ะ (จับใจความได้แบบนี้)
ผม : เอาลูกนี้ครับ
ผมก็ชี้ที่ลูกมะพร้าว ลุงก็ยื่นมือลงมาหยิบครับ แต่แกไม่ค่อยมีแรงหยิบ ผมเลยหยิบมะพร้าวออกมาวางบนตู้กระจก
ผม : ไม่ต้องเฉาะนะครับ เอาไปทั้งลูกเลย
ลุง : .......
จุดไคลแมกซ์ก็คือ ตอนลุงแกกำลังดึงถุงก๊อบแก๊บออกจากห่อ แกพยายามดึงออกมาแต่มันติดกันอยู่ซึ่งแกพยายามดึงอยู่นานมาก ผมอยากจะช่วยแกนะครับ แต่เห็นแกดูมีความพยายามมากๆจึงไม่กล้าขัดแก แกดึงถุง ถุงก็ไม่ยอมออกครับ ช่วงเวลานั้นผมรู้สึกสงสารแกแบบว่าอยากร้องไห้จริงๆ มือไม้ของลุงแกไม่ค่อยมีแรงแบบนี้ ยังพยายามทำมาหากินเข็นรถผลไม้ขายทั้งๆที่สุขภาพก็ไม่ดี สงสารแกมากจริงๆครับ ผมว่าเกินนาทีได้เลยกว่าถุงก๊อบแก๊บใบเล็กจะหลุดออกมาจากห่อ แกดูเหนื่อยมากไม่มีแรงยกลูกมะพร้าวใส่ถุงให้
ลุง : พ่อหนุ่ม เอามะพร้าวใส่ถุงให้ลุงทีนะ
ผม : ได้ๆๆ ครับลุง ผมใส่เองได้ครับลุง
จากนั้นผมก็หยิบแบงค์ 100 ยื่นให้แกครับ ลุงแกเหมือนจะหยุดสตั้นไปพักนึง ในใจเวลานั้นผมคิดมาแล้วว่า สภาพร่างกายลุงแย่ขนาดนี้ ต้องเข็นรถเดินขายผลไม้ ผลไม้ก็เริ่มสภาพไม่ดีพอๆกับสุขภาพตัวของลุง ที่สำคัญแกไม่น่าจะมีเงินทอนพอแน่ๆ แต่ผมไม่ได้สนใจเงินทอน ผมเลยให้แกไปเลย 100 บาท น่าจะพอซื้อรอยยิ้มในใจลุงได้บ้าง
ผม : ลุงครับ ไม่ต้องทอนนะครับ ลุงคงเหนื่อยมากแล้ว ขอให้ขายได้เยอะนะครับลุง
ลุง : ขอบใจนะพ่อหนุ่ม
แกจะยกมือขอบคุณ น่าตาก็เหมือนจะร้องไห้ แต่ผมรีบชิงยกมือไหว้ขอบคุณแกก่อน แล้วลุงก็เข็นรถเลียบถนนไปเรื่อยๆอย่างช้าๆ ผ่านสายตาผมไป
ผมยืนมองแล้วสงสารแกมาก ที่ผมตั้งกระทู้นี้เพราะอยากให้แกได้พบเจอคนใจดีๆมาช่วยอุดหนุนแกบ้าง ลุงแกเข็นรถขายผลไม้อยู่แถวถนนเส้นลาดพร้าววังหิน โชคชัย 4 ผมลองถามคนแถวนั้นดูก็พบว่า บางวันแกก็เดินเข็นรถขาย บางวันก็ไม่ขายบ้างครับ สังเกตง่ายมากครับ ลุงแกจะเข็นรถได้ช้ามาก สภาพรถเข็นจะเก่ามาก มีร่มเก่าๆ รถเข็นแทบไม่มีน้ำแข็งเลย มีผลไม้เก่าๆอยู่ไม่มาก หนักไปทางผลไม้ดองมากกว่า ถ้าตอนนี้ยังไม่มีใครอุดหนุนอะไรเพิ่มเติมหลังจากผม มะพร้าวในรถเข็นน่าจะเหลืออีกสองลูกครับ ถ้าเพื่อนคนไหนพบเห็นลุงท่านนี้ ช่วยๆกันอุดหนุนคุณลุงนะครับ
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณ ที่มา : http://pantip.com/topic/35837871
เรียบเรียง เนื้อหา : พัทธนันท์ รัตนปรีชานันท์