- 03 เม.ย. 2560
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
เมื่อเวลา 18.30 น.วันนี้ 2 เม.ย.60 ผู้สิ่ข่าวประจำ จ.ปราจีนบุรีรายงานความคืบหน้า จากกรณีที่หลวงปู่ผ่าน ฉันทโก อายุ 80 ปี 48 วัน 46 พรรษา เจ้าอาวาส วัดโพธิ์แก้ว2 ต.หัวหว้า อ.ศรีมหาโพธิจ.ปราจีนบุรี พระเกจิดังของจังหวัดปราจีนบุรี ประสบอุบัติเหตุรถตู้โตโยต้า สีขาว หมายเลขทะเบียน ฮม4695 กรุงเทพ ของวัดที่มีนาย ธวัชชัย หรือ หน่อย มีศรี หลานชายแท้ๆเป็นคนขับกลับจากกิจนิมนต์ให้ไปปลุกเสกวัตถุมงคล ที่วัดราษฎรศรัทธาธรรม (ปากแพรก) จ.ฉะเชิงเทรา โดยมีพระภิกษุจากวัดอื่นอีก 5 รูป และลูกศิษย์อีกคนนั่งมา ถึงที่เกิดเหตุเลยเทศบาลตำบลบ้านซ่อง หมู่ 8ต.บ้านซ่อง อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา มีรถพ่วง 22 ล้อเปิดไฟรอเลี้ยว แต่นายธวัชชัย ไม่ทันสังเกตจวนตัวจึงหักหลบแต่ไม่พ้นเฉี่ยวด้านท้ายรถพ่วงก่อนเสียหลักวิ่งข้ามเลยไปชนกับรถบัสอย่างจังจนทำให้ หลวงปู่ผ่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกนำตัวส่ง โรงพยาบาลพนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา อย่างเร่งด่วน แต่เนื่องจาก หลวงปู่ซึ่งนั่งคู่มากับคนขับได้รับแรงกระแทกจากการถูกชนจนทำให้ซี่โครง ขาและแขนหักใบหน้าเป็นแผลฉกรรจ์ทนพิษบาดแผลไม่ไหว มรณภาพลงหลังถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลได้ไม่นาน ส่วนผู้ที่นั่งมาในรถต่างได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งหมด
ภายหลังมีข่าวแพร่สะพัดไปทางสื่อต่างๆสร้างความโศรกเศร้าเสียใจให้แก่หมู่ลูกศิษย์ และญาติโยมเป็นอย่างมาก พากันเดินทางมายังวัดป่าโพธิ์แก้ว2 เพื่อกราบสังขารเป็นครั้งสุดท้ายด้วยความอาลัย พร้อมจัดพิธีรดน้ำสรงศพต่อเนื่องตลอดมากว่า 10,000 คน โดยมีหลวงพ่อชาลี โอภาโส อายุ 74 ปีเจ้าอาวาสวัดทุ่งสว่างศรีจำปา บ้านบางเภา ต.ดอนรอด อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ เป็นลูกพี่ลูกน้องที่ติดตามเดินธุดงค์กับหลวงปู่ผ่านมาตลอดเป็นประธาน พบพุทธศาสนิกชน โดยเฉพาะศิษยานุศิษย์จากทุกสารทิศเข้าแถวต่อกันแน่นศาลากลางน้ำ
หลวงพ่อชาลี กล่าวว่า “ ได้ประชุมคณะสงฆ์ – ศิษย์ของหลวงพ่อ และคณะกรรมการวัด หลังพิธีสรงน้ำศพ แล้วจะตั้งบำเพ็ญกุศลที่ศาลากลางน้ำระหว่างวันที่ 2 -4 เม.ย.60 โดยวันนี้( 2 เม.ย.)ตั้งบำเพ็ญกุศลศพวันแรก โดยเวลา 19.00 น.พระสงฆ์เทศนา 1 กัณฑ์ จากนั้นพระสงฆ์รวม 8 รูปสวดพระอภิธรรมทุก ๆ วัน
จากนั้นในวันที่ 5 - 11เม.ย.60 จะเคลื่อนย้ายไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่เจดีย์ศรีมหาโพธิ์ ที่กว้างขวางกว่า และในช่วงดังกล่าวเป็นช่วงจัดพิธีไหว้ครูประจำปี 2560 ที่จะให้คณะลูกศิษย์และพุทธศาสนิกชน ได้สักการะขอขมาเป็นครั้งสุดท้าย” หลวงพ่อชาลี กล่าว
และกล่าวต่อไปว่า “ สำหรับหลวงปู่ผ่าน เดิมชื่อ ผ่าน นามสกดุล มีศรี เกิดที่บ้านบางเภา ม. 10 ต.ดอนรอด อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ออกบวชหลังแต่งงานมีครอบครัว และลูกชายสามคน ตั้งแต่ยังหนุ่ม ที่วัดทุ่งกวางศรีจำปี จากนั้นย้ายมาจำพรรษาวัดธาตุน้อย แล้วได้จาริกธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆเพื่อปฏิบัติธรรมตามคำสอนของสัมมาสัมพุทธเจ้า จนกระทั่งชาวบ้านนิมนต์ให้มาอยู่ที่วัดป่าโพธิ์ทอง เพื่อพัฒนาวัดที่รกร้างให้รุ่งเรือง ซึ่งหลวงปู่ได้สร้างความเจริญตามที่ชาวบ้านขอร้องจนเห็นแตกต่างจากเดิม ด้วยความที่เป็นคนมีเมตตาจึงมีลูกศิษย์ลูกหาทั่วประเทศเดินทางมากราบไหว้ขอพรล่าสุดในปี 2538 ได้เดินธุดงค์มาที่วัดเขาชะอางค์โอน เขตป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก จ.ชลบุรี และมาจำพรรษาสุดท้ายที่วัดป่าโพธิ์แก้ว 2 ต.หัวหว้า อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
แต่ในที่สุดหลวงปู่ก็มาประสบอุบัติเหตุมรณภาพ ขณะกำลังเดินทางกลับวัดหลังนั่งปรกปลุกเสก ขณะที่มีอายุ 80 ปี48 วัน 46 พรรษา”
“โดยปกติหลวงปู่ผ่านเป็นพระที่ใช้หลักธรรมในการสอนลูกศิษย์ลูกหา แต่ภายหลังนายเบิ้ม ฉัตรชูสิน นากองค์การบริหารส่วนตำบลโคกไทย (อบต.) อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี ได้มาขอร้องให้สร้างบเครื่องรายของขลังในปี 2539 รุ่นสามเหลี่ยม เพื่อเป็นทุนในการก่อสร้างพริเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ ที่กำลังก่อสร้าง และได้รับความนิยมในวงการพระเครื่อง โดยราคาเช่าบูชาวัตถุมงคลราคาเริ่มต้นนับตั้งแต่หมื่นบาท”หลวงพ่อชาลี กล่าว
ข่าว/ภาพ มานิตย์ สนับบุญ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.ปราจีนบุรี




