- 02 พ.ค. 2560
แชร์ |
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
วันที่ 2 พ.ค. 2560 ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดน่าน ศูนย์ราชการจังหวัดน่าน นายพิสิษฐ์กร สารเถื่อนแก้ว อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56 หมู่ 2 ตำบลบ่อแก้ว อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน และนายวรชน มจินานนท์ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 175 หมู่ 1 ตำบลบ่อแก้ว อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน พร้อมด้วยตัวแทนชาวบ้านที่เดินทางมาจากอำเภอนาหมื่น อำเภอนาน้อย อำเภอท่าวังผา อำเภอทุ่งช้าง และอำเภอเมืองน่าน รวมกว่า 20 คน ได้เดินทางนำหลักฐานการโอนเงิน สำเนาหนังสือการแจ้งความและเอกสารประกอบการโอนเงินต่างๆ มาร้องทุกข์ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดน่าน พร้อมยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมและให้ความช่วยเหลือกรณีถูกฉ้อโกงเงินได้รับความเสียหาย โดยผู้ร้องทุกข์ได้กล่าวหาว่า นางสุภางค์ กิจเจริญ นางสาวจารุวรรณ โนราช (ปัญญานะ) นางพรธิดา ณ น่าน นางสาวสุวนันท์ บัวอ่อน นางสาวกมลวรรณ (ไม่ทราบนามสกุล) นางสาวกิรณา คะวิลัย และนางสาวประภาพร (ไม่ทราบนามสกุล) ได้กระทำความผิดอาญาต่อ นางพิสิษฐ์กร สารเถื่อนแก้ว นายวรชน มจินานนท์ ในฐานความผิดฉ้อโกง ทำให้นายพิสิษฐ์ สารเถื่อนแก้ว และนายวรชน มจินานนท์ ได้รับความเสียหาย สูญเงินรวมจำนวน 12,205,900 บาท
ในเรื่องนี้ผู้เสียหายได้เล่าว่า เมื่อวันที่ 22 เดือนกรฎาคม 2559 เป้นต้นมา ได้มีนางพรธิดา ณ น่าน นางสาวกนกวรรณ นางสาวประภาพร นางสาวสุภางค์ กิจเจริญ นางกิรณา คะวิสัย นางสาวจารุวรรณ ปัญญานะ และนางละเอียด กำบังตน ร่วมกันหลอกลวง นายพิสิษฐิกร สารเถื่อนแก้ว นายวรชน มจินานนท์ และนายเสมอ เทพอินทร์ โดยการชักชวนร่วมลงทุนโดยการถือครองหุ้นของบริษัท เค.เอส.มารีน แอนด์ กอฟเวอร์เนอร์ เซอร์วิส จำกัด และให้นำเงินมาลงทุนเข้าหุ้นกับทางบริษัทฯ และอ้างว่าจะได้รับเงินปันผลในราคาที่สูงและจะได้รับเงินปันผลเป็นก้อนภายในสองอาทิตย์และจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งผู้ชักชวนได้พยายามโน้มน้าวจิตใจพร้อมทั้งแสดงเอกสารหลักฐานต่างๆ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ผู้เสียหายหลงเชื่อ และนำเงินไปลงทุนตามที่กล่าวอ้าง ต่อมาได้มีนางสุวนันท์ บัวอ่อน อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีของบริษัทฯ โทรศัพท์ติดต่อกับนายพิสิษฐ์กร ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการถือครองหุ้น และได้อ้างว่าได้ออกเช็คจำนวน 5.5 ล้านบาท ให้กับนายพิสิษฐ์กร โดยเงินจะเข้าบัญชีภายใน 2 อาทิตย์ และมีนางกมลวรรณ อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ฝ่ายผู้ถือหุ้น โทรมาแจ้งว่ามีค่าใช้จ่ายให้กับบริษัทฯ อันเป็นค่าธรรมเนียมและค่าดำเนินการ ซึ่งจะทำให้เงินปันผลนั้นเข้าบัญชีรวดเร็วขึ้น ทำให้นายพิสิษฐ์กร ได้โอนเงินเข้าบัญชีของนางสาวกิรณา คะวิสัย และนางสาวจารุวรรณ โนราช ตามที่นางพรธิดาฯ กับพวกแนะนำ และต่อมา นางพรธิดาฯกับพวก ก็ได้ชักชวนนายวรชน มจินานนท์ เข้าร่วมลงทุนด้วยโดยให้ผลตอบแทนเป็นจำนวน 18 ล้านบาท พร้อมกับให้จ่ายเงินค่าดำเนินการและค่าธรรมเนียม ซึ่งได้มีการโอนเงินให้ทุกครั้งที่นางพรธิดาฯกับพวกแจ้งเรื่องการเปลี่ยนแปลงและกล่าวอ้างการดำเนินการที่ติดขัด ทำให้ผู้เสียหายและพวกต้องเสียเงินค่าธรรมเนียมไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้นายพิษฐ์กรและนายวรชน ยังมิได้รับเงินคืนแต่อย่างใด ซึ่งชาวบ้านที่เดินทางมาในวันนี้ ได้กล่าวว่า ตนเดินทางมาพร้อมกับผู้เสียหาย เพราะการลงทุนในครั้งนี้ชาวบ้านที่มาทุกคนได้มีการโอนเงินให้กับผู้เสียหาย เพื่อนำไปลงทุนเพื่อรับเงินปันผลในครั้งนี้ด้วย
ส่วนทางด้าน นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้กล่าวว่า ขอให้ประชาชนที่เดินทางมาในวันนี้ได้ไตร่ตรองให้มาก การชักชวนให้ลงทุนซึ่งใช้เงินจำนวนมากควรพิจารณาให้ดี อย่าได้ไปหลงเชื่อคำชักชวนโดยอ้างว่าจะจ่ายผลตอบแทนจำนวนมากให้ ซึ่งไม่เป็นความจริงจะทำให้เสียทรัพย์สินเงินทองและได้รับความเสียหาย หลังได้พบปะกลุ่มชาวบ้านผู้เสียหายและได้รับเรื่องไว้ พร้อมกล่าวว่าจะประสานให้ทางเจ้ าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมาก และจะได้ให้เจ้าพนักงานสอบสวนได้ดำเนิ นการสอบสวนเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงและจะได้ดำเนินคดีต่อไป
ภาพ/ข่าว รดา บุญยะกาญจน์ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จังหวัดน่าน




